แรงโน้มถ่วง เกี่ยวอะไรกับการใช้ชีวิตประจำวันของเรา

แรงโน้มถ่วง เกี่ยวอะไรกับการใช้ชีวิตประจำวันของเรา

admin No Comments

แรงโน้มถ่วงเป็นที่ทราบในทางฟิสิกส์ว่าเป็นสาเหตุหลักของการเคลื่อนที่ของวัตถุทุกอย่างในจักรวาล รวมถึงการเคลื่อนที่ของวัตถุทางดาวเคราะห์, การเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์, และทรัพยากรอาศัยอื่น ๆ ที่อยู่ในระบบนอกโลกของเรา

แรงโน้มถ่วงมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราในหลายทาง ๆ ดังนี้

 

1.ความน้ำหนักของวัตถุ: แรงโน้มถ่วงทำให้วัตถุมีน้ำหนัก โดยน้ำหนักของวัตถุจะขึ้นอยู่กับมวลของมัน นี่เป็นเหตุผลที่เราต้องยกสิ่งของในชีวิตประจำวัน เช่น ตัวเอง, กระเป๋า, หรือสิ่งของทั่วไป เนื่องจากมีแรงโน้มถ่วงทำให้มีน้ำหนักที่เกิดขึ้น

 

2.การเดินทาง: แรงโน้มถ่วงมีผลต่อการเดินทางทั่วไป เรามักใช้คำนิยามว่าน้ำหล่อเป็นทางธรรมชาติตามทิศทางที่มีแรงโน้มถ่วงที่เข้มงวดมากที่สุด ดังนั้น การเดินทางด้วยพาหะทางอากาศ หรือทางน้ำนั้นมักจะมีการคำนวณแรงโน้มถ่วงในการวางแผนเส้นทาง

 

3.การทำงานของนาซา: แรงโน้มถ่วงมีผลทำให้นาซา (Mass) รู้สึกน้ำหนัก ดังนั้น เมื่อเราทำงานโดยยกหรือพลัดนาซา (ที่มีมวล) เช่น การยกของหนัก การทำงานนี้เกี่ยวข้องกับแรงโน้มถ่วง

 

4.การคำนวณน้ำหล่อ: ในอุตสาหกรรมหรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ การคำนวณแรงโน้มถ่วงเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากมีผลต่อการวางแผนวัสดุ โครงสร้าง และการทำงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักและแรงโน้มถ่วง

 

5.วิทยาศาสตร์และวิจัย: ในสาขาวิทยาศาสตร์และวิจัย แรงโน้มถ่วงมีบทบาทสำคัญในการศึกษาพฤติกรรมของวัตถุทั้งในลักษณะของการตกลงมวล การเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ และศึกษาปรากฎการณ์ทางดาราศาสตร์

ถ้าเราไม่มีแรงโน้มถ่วง เราจะเป็นอย่างไร

ถ้าไม่มีแรงโน้มถ่วง สภาพการเคลื่อนที่และการดำเนินชีวิตของเราและของโลกจะเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ นี่คือผลกระทบบางประการที่อาจจะเกิดขึ้น

 

1.ไม่มีการรวมกันของวัตถุ: แรงโน้มถ่วงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้วัตถุมีน้ำหนักและมีความนิ่งตำแหน่งในทิศทางที่เราเรียกว่า “ดิน” หรือ “พื้นผิวของโลก” ถ้าไม่มีแรงโน้มถ่วง วัตถุจะไม่มีทิศทางที่แน่นอนเพื่อมุ่งหน้า และไม่มีการรวมกันกับพื้นผิวโลก

 

2.ไม่มีการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์: แรงโน้มถ่วงมีผลทำให้ดาวเคราะห์เคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์ และดาวเคราะห์นั้นเองก็เคลื่อนที่รอบตัวเอง เป็นการรักษาสมดุลแรงที่ทำให้มีการเคลื่อนที่นี้ เป็นพื้นฐานในระบบสุริยะ

 

3.ไม่มีการเลื่อนที่ของน้ำ: แรงโน้มถ่วงมีผลทำให้น้ำไหลลงถนนน้ำ หากไม่มีแรงโน้มถ่วง น้ำจะไม่มีทิศทางที่แน่นอนที่จะไหลลง ทำให้การวิวัฒนาการของชีวิตและระบบนิเวศทางน้ำเปลี่ยนไป

 

4.ไม่มีการรักษาสมดุลของโลก: แรงโน้มถ่วงมีบทบาทในการรักษาสมดุลของโลก ทำให้โลกหมุนรอบแกนที่คงที่ ถ้าไม่มีแรงโน้มถ่วง โลกอาจหมุนหรือเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ไม่คาดคิด

 

สรุปได้ว่า แรงโน้มถ่วงมีบทบาทที่สำคัญมากในการรักษาสมดุลและการเคลื่อนที่ของวัตถุในจักรวาลเรา ถ้าไม่มีแรงโน้มถ่วง สภาพโลกและการเคลื่อนที่ของวัตถุทุกประการจะเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ufabet

บทบาทสำคัญของสมาคมพิษวิทยาในความร่วมมือระดับโลก

admin No Comments

ศาสตร์แห่งพิษวิทยาในแง่มุมต่างๆ ล้วนมีความจำเป็นในระดับสากล การผลิตและการปล่อยสารเคมีที่อาจเป็นพิษเพิ่มขึ้นในหลายส่วนของโลก

แม้ว่าสิ่งนี้อาจทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น แต่การปนเปื้อนของสารเคมีไม่เคารพพรมแดนระหว่างประเทศและการเมือง และชุมชนพิษวิทยาทั่วโลกก็แบ่งปันความกังวลด้านสุขภาพที่ตามมา World Library of Toxicology ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง Toxipedia.org, หอสมุดแพทยศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา, สหภาพพิษวิทยาระหว่างประเทศ

และสถาบันพิษวิทยาและความผิดปกติของระบบประสาท ก่อตั้งขึ้นเนื่องจากความกังวลระดับโลกดังกล่าว เจตนาคือเพื่ออำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนทางวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศต่างๆ พิษวิทยาไม่สามารถทำหน้าที่เป็นระเบียบวินัยที่แยกส่วนได้อีกต่อไป เนื่องจากความพยายามของแต่ละคนถูกแยกออกจากพรมแดนระหว่างประเทศเป็นส่วนใหญ่

แม้ว่าแนวคิดของความเป็นสากลของพิษวิทยาจะอยู่ในรูปแบบของความสัมพันธ์แบบร่วมมือระหว่างนักวิชาการและนักวิจัยแต่ละคนที่มีความสนใจที่ทับซ้อนกัน แต่ศักยภาพที่แท้จริงของความร่วมมือดังกล่าวสามารถรับรู้ได้ดีที่สุดเมื่อสถาบันขนาดใหญ่ เช่น รัฐบาลหรือสมาคมวิชาชีพร่วมมือกัน

ตัวอย่างคลาสสิกของความร่วมมือดังกล่าวคือเมื่อ American Academy of Clinical Toxicology (AACT) และ European Association of Poison Control Centers and Clinical Toxicologists (EAPCCT)

ร่วมกันจัดทำแถลงการณ์แสดงจุดยืนทางวิชาการซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแนวทาง การปนเปื้อนในทางเดินอาหารในผู้ป่วยที่ได้รับพิษ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ยังคงรู้สึกได้ในการปฏิบัติทางคลินิกในปัจจุบัน และเป็นสิ่งที่ช่วยยกระดับการดูแลผู้ป่วยของเรา ความร่วมมือระหว่างสังคม

ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของพิษวิทยาคลินิก ไม่ควรทำหน้าที่เป็นเพียงการแสดงจุดยืน แต่ที่สำคัญกว่านั้นในฐานะแบบจำลองสัญลักษณ์ของวิธีที่สมาคมวิชาชีพพิษวิทยาสามารถโต้ตอบได้

รูปแบบของความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศสามารถตรวจสอบได้โดยการวิเคราะห์ฐานข้อมูลไซเอนโทเมตริกสำหรับบทความที่เขียนร่วมในระดับสากล การตรวจสอบดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าวิทยาศาสตร์ด้านพิษวิทยากำลังเติบโตทั่วโลก ตัวอย่างเช่น เมื่อค้นหาประเทศจากภูมิภาคต่างๆ ของโลกใน SCImago

สำหรับการผลิตทางวิทยาศาสตร์ด้านพิษวิทยา ประเทศชั้นนำจาก 10 ภูมิภาคของโลกมีดังนี้: อิหร่านจากตะวันออกกลาง สหราชอาณาจักรจากยุโรปตะวันตก โปแลนด์จากยุโรปตะวันออก , ตูนิเซียจากแอฟริกาเหนือ, ไนจีเรียจากแอฟริกากลาง, แอฟริกาใต้จากแอฟริกาใต้, สหรัฐอเมริกาจากอเมริกาเหนือ, บราซิลจากละตินอเมริกา, จีนจากภูมิภาคเอเชีย และออสเตรเลียจากภูมิภาคแปซิฟิก

หากนับจำนวนนักพิษวิทยาที่ลงทะเบียนจากสมาคมของประเทศเหล่านี้จากฐานข้อมูลของ IUTOX จะพบว่ามีสมาชิกประมาณ 4,000 คน จำนวนนักพิษวิทยาที่แท้จริงนั้นสูงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เนื่องจากหลายสังคมไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ IUTOX ดังนั้นหากมีการสร้างเครือข่ายที่จำกัดระหว่างสมาชิกเหล่านั้นในภูมิภาคเหล่านี้ของโลก

ศักยภาพในการทำงานร่วมกันในประเด็นต่างๆ เช่น การดูแลผู้ป่วยที่ได้รับสารพิษ การคุ้มครองสตรีมีครรภ์ เด็ก และประชากรที่อาจเสี่ยงอื่นๆ จากอันตรายจากสารพิษใน สิ่งแวดล้อมและการคุ้มครองผู้ปฏิบัติงานที่ดีขึ้น ทุกเรื่องที่มีความสำคัญสูงสุดต่อพิษวิทยาทางคลินิก จะดีมาก สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในพื้นที่ที่ไม่ได้รับการดูแลทางการแพทย์เช่นหลายประเทศในแอฟริกา

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ทางเข้า gclub ใหม่

นักวิทยาศาสตร์ของ EPA แบ่งปันความก้าวหน้าในการวิจัยพิษวิทยา

admin No Comments

ในการประชุมประจำปีของสมาคมพิษวิทยา Dr. Wayne Cascio ของ EPA และรองผู้ช่วยผู้บริหารหลักของ ORD และรักษาการที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของ EPA Jennifer Orme-Zavaleta, Ph.D. ที่บูธ SOT ของ EPA วิทยาศาสตร์เป็นกระบวนการทำงานร่วมกัน

ซึ่งมักเป็นผลมาจากนักวิจัยจากหลายสาขาที่มีส่วนร่วมในการสนทนาและสร้างผลงานวิจัยของกันและกัน

ด้วยจิตวิญญาณนี้ที่นักวิทยาศาสตร์ของ EPA จากทั่วประเทศจะเข้าร่วมการประชุมประจำปีของ Society of Toxicology (SOT) ในสัปดาห์นี้ที่เมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ เพื่อนำเสนอผลงานของพวกเขาและรับฟังความคิดเห็นจากนักวิทยาศาสตร์คนอื่น ๆ ที่อยู่ในแนวหน้าของการวิจัยทางพิษวิทยา

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับงานด้านพิษวิทยาของ EPA โปรดอ่านบทสรุปของงานวิจัยที่นักวิทยาศาสตร์ของ EPA จะนำเสนอที่ SOT รวมถึงแบบจำลองที่ดูการสัมผัสสารเคมี ผลการวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจากการสัมผัสควัน และอื่นๆ

แดชบอร์ดเคมีพิษวิทยาเชิงคำนวณ EPA สร้างเครื่องมือหลายประเภทเพื่อช่วยให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียประเมินสารเคมีได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของงานด้านพิษวิทยาเชิงคำนวณอย่างต่อเนื่อง EPA ยังคงเพิ่มฟังก์ชันการทำงานและข้อมูลสารเคมีไปยังแดชบอร์ดสารเคมีพิษวิทยาเชิงคำนวณ (CompTox Chemicals Dashboard) แหล่งข้อมูลออนไลน์ให้การเข้าถึงข้อมูลเคมี ความเป็นพิษ และการสัมผัสแบบครบวงจรในจุดเดียว เพื่อช่วย EPA รัฐ อุตสาหกรรม กลุ่มระหว่างประเทศ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ ในการตัดสินใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของสารเคมี

นักวิทยาศาสตร์ของ EPA จะนำเสนอเครื่องมือออนไลน์ใหม่ๆ เช่น ฐานข้อมูลสารเคมีและผลิตภัณฑ์ (CPDat) ซึ่งมีอยู่ใน CompTox Chemicals Dashboard CPDat เป็นฐานข้อมูลที่ประกอบด้วยข้อมูลที่เชื่อมโยงสารเคมีมากกว่า 49,000 รายการกับชุดคำศัพท์ที่จัดหมวดหมู่การใช้งานหรือฟังก์ชันของสารเคมีเหล่านั้นในผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค 16,000 ประเภท (เช่น แชมพู สบู่)

การเปิดรับจากสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อช่วยให้เข้าใจการสัมผัสสารเคมีมากขึ้น นักวิจัยของ EPA ได้พัฒนาแบบจำลอง Stochastic Human Exposure and Dose Simulation (SHEDS) เพื่อประเมินการสัมผัสสารเคมีของผู้คนที่พบในกิจกรรมประจำวัน นักวิทยาศาสตร์ของ EPA จะนำเสนอโมเดล SHEDS ที่ให้ปริมาณงานสูงแบบใหม่

ซึ่งสามารถสร้างค่าประมาณการสัมผัสสารเคมีหลายพันชนิดได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่า วิธีนี้สามารถใช้เพื่อให้ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการจัดลำดับความสำคัญของสารเคมีสำหรับการศึกษาในอนาคตตามความเสี่ยง

แบบจำลองที่ใช้ตัวแทน องค์ประกอบที่สำคัญอีกประการหนึ่งในการระบุลักษณะการสัมผัสสารเคมีในผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคและสภาพแวดล้อมภายในอาคารคือการทำความเข้าใจว่าแต่ละคนใช้เวลาอยู่ที่ใดและอย่างไร นักวิทยาศาสตร์ของ EPA ได้รับรางวัลเอกสารยอดเยี่ยมแห่งปีจาก SOT

จากผลงานการสร้างแบบจำลองที่อิงกับตัวแทนที่จำลองรูปแบบพฤติกรรมของมนุษย์ในระยะยาว โมเดลนี้อิงตามระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เลียนแบบการตัดสินใจของมนุษย์เกี่ยวกับพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาการสัมผัสสารเคมีและปัจจัยกดดันอื่นๆ โดยมีเป้าหมายในการสร้างข้อมูลพฤติกรรมมนุษย์ระยะยาวเพื่อใช้ในการประเมินการสัมผัส

การประเมิน In Vitro-In Vivo Extrapolation บางครั้งสารเคมีไม่ได้ทำงานในลักษณะเดียวกันในโลกแห่งความเป็นจริงเหมือนกับในแบบจำลอง เพื่อช่วยในการประเมินว่าแบบจำลองของ EPA ทำนายได้อย่างเพียงพอว่าสารเคมีที่กำหนดจะมีพฤติกรรมอย่างไร นักวิทยาศาสตร์ของ EPA จะเปรียบเทียบผลลัพธ์กับการศึกษาในสัตว์

นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการทำความเข้าใจเกี่ยวกับสารพิษหรือความรวดเร็วในการที่สารเคมีเข้าและออกจากร่างกาย เนื่องจากข้อมูลส่วนใหญ่ที่มีอยู่จากการทดสอบความเป็นพิษในสัตว์ที่มีชีวิตนั้นเป็นข้อมูลสำหรับเภสัชภัณฑ์ จึงต้องกำหนดเกณฑ์มาตรฐานเพื่อเปรียบเทียบแบบจำลองสำหรับสารเคมีเพื่อสิ่งแวดล้อมที่น่าสนใจ

ในเอกสารที่จะนำเสนอที่ SOT นักวิทยาศาสตร์ของ EPA พบว่าแบบจำลองทางพิษวิทยาที่มีปริมาณงานสูง เมื่อเปรียบเทียบกับการทดสอบที่ทำกับหนู มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะจัดลำดับความสำคัญของสารเคมีในสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องตามความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์ โมเดลเหล่านี้มีวางจำหน่ายทั่วไปในรูปแบบแพ็คเกจที่กำหนด

 

สนับสนุนเนื้อหานี้โดย    ufabet เว็บหลัก

องค์ประกอบของโลก 

admin No Comments

    หากพูดถึงโลกที่เราอาศัยอยู่นี้จะมีองค์ประกอบที่สำคัญถึง 6 ส่วนด้วยกัน  ซึ่งประกอบด้วยกากันโลกชั้นในและแก่นโลกชั้นนอกรวมถึงเนื้อโลกและเปลือกโลกนอกจากนี้ยังมีส่วนที่เป็นมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศนั่นเอง  ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาพูดถึงรายละเอียดของส่วนต่างๆของโลกว่ามีองค์ประกอบหรือมีลักษณะเป็นอย่างไรบ้าง 

     สำหรับแก่นโลกชั้นในนั้นจะมีลักษณะเป็นโลหะแข็งความดันที่สูงมากจะทำให้เหล็กและนิกเกิลมีสถานะเป็นของแข็ง แม้ว่าจะมีอุณหภูมิสูงถึง 6000 องศาเซลเซียสก็ตาม

  นอกจากนี้ส่วนที่เป็นแก่นโลกชั้นนอกนั้นจะเป็นส่วนที่อยู่ลึกลงไปจากผิวโลกซึ่งมีความลึกอยู่ที่ประมาณ 30 กิโลเมตรเป็นแก่นโลกชั้นนอกที่ประกอบไปด้วยเหล็กขาวร้อนและนิกเกิลโดยบริเวณนี้จะเป็นโซนที่มีความร้อนมากชั้นนอกมีลักษณะ 18 และไหลวนการไหลวนนี้จะทำให้เกิดสนามแม่เหล็กโลก 

         อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงในส่วนที่เป็นของเนื้อโลกนั้นบริเวณนี้จะอยู่ลึกลงไปจากเปลือกโลกประมาณ 2,900 กิโลเมตรเป็นชั้นหินที่หนาหรือที่เราเรียกกันว่าเนื้อโลกซึ่งบริเวณนี้ความร้อนจากแก่นโลกจะทำให้หินในเนื้อโลกหลอมเหลวเป็นหินหนืดและเคลื่อนตัวอย่างช้าๆการเคลื่อนตัวนี้จะทำให้เปลือกโลกที่อยู่ด้านบนเคลื่อนที่ซึ่งเป็นแบบนี้มานานมากกว่าล้านปีแล้ว 

        สำหรับบริเวณส่วนที่เป็นเปลือกโลกนั้นเป็นส่วนนอกสุดของโลกที่เป็นของแข็งและมีความหนาเพียงไม่กี่สิบกิโลเมตรโดยบริเวณนี้เป็นบริเวณที่หนาเป็นเปลือกโลกภาคพื้นทวีปส่วนบริเวณที่บางเป็นเปลือกโลกใต้มหาสมุทรอย่างไรก็ตามถัดจากเปลือกโลกใบนั้น

เราก็จะเจอกับมหาสมุทรซึ่งโลกนั้นถือว่าเป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวที่มีหน้าที่เป็นของเหลวปริมาณมากบนพื้นผิวจึงทำให้มีสิ่งมีชีวิตสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้บนมหาสมุทรนี้มีน้ำปริมาณร้อยละ 97 นอกนั้นเป็นน้ำที่อยู่ในอากาศแม่น้ำทะเลสาบและน้ำแข็ง 

        อย่างไรก็ตามนอกจากชั้นมหาสมุทรแล้วชั้นนอกสุดก็คือชั้นของบรรยากาศ  ufabet   ซึ่งชั้นนี้จะเป็นชั้นที่ห่อหุ้มช่วยปกป้องโลกจากอวกาศมีองค์ประกอบเป็นแก๊สไนโตรเจนร้อยละ 78 และยังมีแก๊สออกซิเจนร้อยละ 21 รวมถึงมีแก๊สอื่นๆเพียงเล็กน้อยยกตัวอย่างเช่นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นสัดส่วนคงที่ที่มีมานานมากกว่า 200 ล้านปีมาแล้ว 

อย่างไรก็ตามสำหรับชั้นบรรยากาศของโลกนั้นมีทั้งหมด 5 ชั้นด้วยกันแต่มีเพียงชั้นล่างสุดเท่านั้นที่มีเมฆและอากาศที่สามารถใช้ในการหายใจได้ดังนั้นนักบินส่วนใหญ่จะเบนอยู่ในชั้นสตราโทสเฟียร์เพราะไม่มีเมฆคอยปกบันวิสัยทัศน์ชั้นบรรยากาศไม่มีขอบเขตแบ่งชั้นที่ชัดเจนส่วนขอบเขตระหว่างชั้นบรรยากาศกับอวกาศอยู่ในชั้นเทอร์โมสเฟียร์ที่สูงจากพื้นดินขึ้นไปประมาณ 100 กิโลเมตร

ดวงจันทร์เกิดขึ้นได้อย่างไร 

admin No Comments

         นักวิทยาศาสตร์มีทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับการกำเนิดของดวงจันทร์ซึ่งส่วนใหญ่แล้วนักวิทยาศาสตร์มักจะคิดว่าพวกมันเกิดมาจากดาวเคราะห์ขนาดเล็กชนกับโลกในตอนที่โลกยังอายุน้อยๆประมาณ 4500 ล้านปีก่อนและแน่นอนว่านักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าแรงกระแทกที่เกิดขึ้นนั้นจะทำลายดาวเคราะห์ขนาดเล็กและทำให้เกิดแกนโลกพลิกกลับขั้วเศษเล็กเศษน้อย

จากการชนกระจัดกระจายสู่อวกาศและก่อตัวเป็นแม่เมื่อเวลาผ่านไปแถวนั้นก็มารวมกลุ่มกันอีกครั้งหนึ่งแล้วถือกำเนิดกลายเป็นดวงจันทร์นั้นเอง 

        สำหรับดวงจันทร์นั้นมันจะอยู่ใกล้และสว่างจนเรามองเห็นในเวลากลางวันได้ซึ่งดวงจันทร์นั้นเป็นวัตถุเดียวในอวกาศที่เรามองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเนื่องจากว่ามันมีขนาด 1 ใน 4 ของโลกทำให้มันเป็นดาวบริวารที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาดาวบริวารด้วยกันในระบบสุริยะซึ่งดวงจันทร์มันใหญ่ที่สุดและสว่างที่สุดบนท้องฟ้าตอนกลางคืนนอกจากนี้พื้นผิวของดวงจันทร์นั้นยังมีหลุมอุกกาบาตมากมายที่มองเห็นด้วยกล้องส่องทางไกลหรือว่ากล้องโทรทัศน์

         อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าดวงจันทร์นั้นถือกำเนิดก่อตัวขึ้นมาเมื่อประมาณ 4500 ล้านปีก่อนแต่  gclub   พื้นผิวนั้นแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย

ในเวลาพันล้านปีที่ผ่านมาสำหรับพื้นผิวบนดวงจันทร์นั้นจะเป็นพื้นที่ราบใกล้กับทะเลมืดซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามันเกิดจากการปะทุของลาวาที่ไหลท่วมเมื่อประมาณ 3000 ล้านปีก่อนดังนั้นพื้นที่บริเวณรอบๆพื้นที่เหล่านี้จึงเป็นที่ราบสูงบนดวงจันทร์ที่มีเนินเขาและหุบเขาเก่าแก่มากมายที่เต็มไปด้วยเศษอุกกาบาตนับไม่ถ้วนนั่นเอง 

         สำหรับข้อมูลที่นักวิทยาศาสตร์ได้มีการค้นพบอีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับดวงจันทร์ก็คือดวงจันทร์จะหมุนรอบโลก 1 รอบโดยใช้ระยะเวลา 2732 วันและดวงจันทร์นั้นมีมวล 0.1 67 เท่ากับของโลกนอกจากนี้ระยะทางระหว่างดวงจันทร์กับโลกนั้นก็ห่างกันถึง 385000 กิโลเมตรเลยทีเดียวและที่สำคัญเส้นผ่าศูนย์กลางของดวงจันทร์เฉลี่ยอยู่ที่ 3474 กิโลเมตรนั่นเอง 

       อย่างไรก็ตามสำหรับดวงจันทร์แล้วประกอบไปด้วยแกนชั้นในตามด้วยแกนชั้นนอกและต่อด้วยเนื้อดวงจันทร์ชั้นล่างตามด้วยเนื้อดวงจันทร์และเปลือกซึ่งแต่ละส่วนนั้นก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป

       ข้อมูลสำหรับนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบอีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับดวงจันทร์ก็คือดวงจันทร์หมุนรอบตัวเองและใช้เวลาพอๆกับการโคจรรอบโลกดังนั้นเราจึงมองเห็นเพียงด้านไกลของดวงจันทร์เสมอ นอกจากนี้แรงโน้มถ่วงบนดวงจันทร์จะค่อนข้างอ่อนกว่าแรงโน้มถ่วงของโลกมากเพราะดวงจันทร์มีมวลน้อยดังนั้นเมื่อมีนักบินอวกาศไปเดินอยู่บนดวงจันทร์ก็มักจะมีน้ำหนักแค่ 1 ใน 6 ของน้ำหนักบนโลกและนักบินอวกาศเหล่านั้นก็จะสามารถกระโดดได้สูงกว่าการกระโดดบนโลกถึง 6 เท่าทำไมได้สวมชุดอวกาศที่ถ่วงน้ำหนักเอาไว้

 

ข้อมูลซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับดวงจันทร์ที่น้อยคนนักที่จะรู้ 

admin No Comments

       เมื่อพูดถึงดวงจันทร์เรามักจะเห็นมันในยามค่ำคืนแต่อันที่จริงแล้วถ้าหากเรามองให้ดีๆจะเห็นได้ว่าแม้แต่ช่วงเวลากลางวันนั้นเราก็สามารถมองเห็นดวงจันทร์ได้เพียงแต่ว่าดวงจันทร์นั้นส่องสว่างไม่เท่ากับดวงอาทิตย์ทำให้แสงจากดวงอาทิตย์นั้นกับแสงของดวงจันทร์เราจะมองเห็นบนท้องฟ้านั้นมีดวงจันทร์เพียงแค่รางๆเท่านั้นเอง

         ยังไงก็ตามผู้คนยังมองเห็นอีกด้วยว่าดวงจันทร์นั้นถ้าหากเปรียบขนาดความใหญ่ของดวงอาทิตย์แล้วถ้าจะเรียกได้ว่าดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์นั้น

มีความใหญ่เท่าเทียมกันแต่แท้ที่จริงแล้วคุณรู้หรือไม่ว่าจากการที่นักวิทยาศาสตร์ได้มีการออกไปสำรวจนอกโลกนั้นพบว่าดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์นั้นมีขนาดที่แตกต่างกันเป็นอย่างมากเรียกได้ว่าขนาดแตกต่างกันมากถึง 400 เท่าเลยทีเดียวและระหว่างดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์นั้นดวงจันทร์มีขนาดเล็กกว่าดวงอาทิตย์ถึงหรือ 400 เท่านั้นเอง

        อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์มีลักษณะขนาดที่มีความเท่ากันนั่นก็เพราะว่าดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์อยู่ห่างกันถึง 400 เท่าดังนั้นจึงทำให้สายตาของเรานั้นมองเห็นขนาดระหว่างดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์มีขนาดเท่ากันนั่นเอง 

        นอกจากนี้ในช่วงเวลากลางคืนเราจะเห็นได้ว่าดวงจันทร์นั้นเมื่อไม่มีแสงของพระอาทิตย์มาบดบังดวงจันทร์จะมีความสว่างเป็นอย่างมากเลยทีเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในคืนเดือนมืดแล้วแทบจะมองเห็นบรรยากาศโดยรอบๆตัวเราได้จากแสงของดวงจันทร์ซึ่งหลายคนเข้าใจว่าดวงจันทร์นั้นมีความสว่างเป็นอย่างมากเลยทีเดียว  

        ยังไงก็ตามคุณรู้หรือไม่ว่าถ้าหากนำแสงสว่างของดวงจันทร์มาเปรียบเทียบกับแสงสว่างของโลกของเราแล้วปรากฏว่าแสงสว่างของดวงจันทร์นั้นสว่างน้อยกว่าโลกของเราถึง 3 เท่าเลยทีเดียว  สิ่งเหล่านี้สามารถพิสูจน์ได้ด้วยการที่เวลาที่เรามีการถ่ายรูปซึ่งเป็นรูปภาพในเฟสเดียวกันที่มีทั้งดวงจันทร์และโลกอยู่ในภาพเดียวกันนั้นจะเห็นได้ว่าช่างภาพทั้งหลายจะต้องมีการเพิ่มแสงสว่างให้กับดวงจันทร์ให้มากขึ้นเพื่อที่จะให้แสงในภาพนั้นมีความสวยงามและสว่างใกล้เคียงกันนั่นเอง 

          อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ได้มีการคำนวณแล้วว่าถ้าหากเราต้องการที่จะให้ดวงจันทร์นั้นมีแสงสว่างเท่ากับช่วงเวลากลางวันตอนบ่ายบนโลกมนุษย์นั้นเราจะต้องใช้ดวงจันทร์มากถึง 3แสนดวงมารวมกันถึงจะสามารถทำให้เกิดแสงสว่างเท่ากับช่วงเวลากลางวัน

ซึ่งเป็นช่วงเวลาบ่ายบนโลกมนุษย์ได้ และที่สำคัญก็คือในสามแสนดวงนั้นจะต้องมี 206000 พันดวงที่จะต้องเป็นช่วงที่พระจันทร์เต็มดวงถึงจะสามารถเพิ่มแสงสว่างให้เทียบเท่ากับโลกในช่วงเวลาตอนบ่ายได้นั่นเอง

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ufabet

ฐานความรู้ ECOTOXicology

admin No Comments

สำหรับฐานความรู้ ECOTOXicology เป็นแอปพลิเคชันที่ครอบคลุมและเผยแพร่สู่สาธารณะ ซึ่งใช้ในการพัฒนาและตรวจสอบความถูกต้องของแบบจำลองเพื่อคาดการณ์ข้อมูลจากผลกระทบในหลอดทดลอง (เซลล์) ไปจนถึงผลกระทบในร่างกาย (สิ่งมีชีวิตทั้งหมด)

เว็บพนันออนไลน์ ฝากขั้นต่ำ 50 บาท  และข้ามสายพันธุ์เพื่อประเมินความปลอดภัยของสารเคมี ECOTOX ให้ข้อมูลความเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมของสารเคมีที่เป็นที่ทราบเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตในน้ำ พืชบก และสัตว์ป่า จากข้อมูลที่รวบรวมมาจากวรรณกรรมทางวิทยาศาสตร์

ข้อมูล ECOTOX ถูกใช้โดยนักวิจัย ตลอดจนรัฐบาลท้องถิ่น รัฐ และชนเผ่าเพื่อพัฒนาเกณฑ์เฉพาะของไซต์ หรือเพื่อตีความสิ่งที่ค้นพบจากข้อมูลการตรวจสอบสำหรับสารเคมีที่ไม่ได้กำหนดเกณฑ์ไว้

การจัดลำดับเพื่อทำนายความอ่อนแอของสายพันธุ์ (SeqAPASS) Sequence Alignment to Predict across Species Susceptibility (SeqAPASS)

เป็นเครื่องมือคัดกรองออนไลน์ที่รวดเร็วซึ่งคาดการณ์ความไวต่อสารเคมีของสัตว์หลายร้อยชนิดโดยไม่มีข้อมูล โดยใช้ลำดับโปรตีนที่มีอยู่และข้อมูลโครงสร้าง SeqAPASS ใช้ข้อมูลที่มีอยู่จากสิ่งมีชีวิตจำลองเพื่อทำนายปฏิกิริยาทางเคมีที่เป็นไปได้หรือไม่น่าเป็นไปได้สำหรับสปีชีส์ที่ยังไม่ได้ทดสอบ ลดความจำเป็นในการทดสอบความเป็นพิษที่ใช้ทรัพยากรมากเพิ่มเติม และทำให้กระบวนการรวดเร็วยิ่งขึ้นสำหรับนักวิทยาศาสตร์และผู้ควบคุม

Transcriptomics ที่ให้ปริมาณงานสูง แม้ว่าการตรวจวิเคราะห์ในปัจจุบันของ EPA จะครอบคลุมยีนและวิถีทางมากมาย แต่ก็ไม่ได้ครอบคลุมพื้นที่ทางชีววิทยาอย่างสมบูรณ์ เพื่อเสริมการวิจัยในปัจจุบัน นักวิจัยกำลังใช้วิธีการที่เรียกว่า Transcriptomics (HTTr) ที่ให้ปริมาณงานสูงเพื่อตรวจสอบการแสดงออกของยีน

และให้การประเมินที่ครอบคลุมมากขึ้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากสารเคมีในกระบวนการทางชีววิทยา การใช้วิธีปริมาณงานสูงเป็นไปได้ส่วนหนึ่งเนื่องจากต้นทุนที่ลดลงซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างโปรไฟล์การถอดเสียงทั้งหมด ซึ่งทำให้ HTTr เป็นตัวเลือกที่ใช้งานได้จริงมากขึ้นสำหรับการกำหนดเกณฑ์การออกฤทธิ์ทางชีวภาพ

การวิจัยไมโครไบโอม Zebrafish องค์ประกอบที่สำคัญอีกประการหนึ่งของการวิจัยทางพิษวิทยาคือการทำความเข้าใจว่าสารเคมีในสิ่งแวดล้อมสามารถส่งผลกระทบต่อไมโครไบโอมได้อย่างไร ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ซับซ้อนของแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา อาร์เคีย และโปรโตซัวที่อาศัยผิวหนังและลำไส้ของสัตว์ที่เป็นโฮสต์ (รวมถึงมนุษย์)

และมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพ และโรค การวิจัยพบว่าชุมชนจุลินทรีย์เหล่านี้ช่วยควบคุมกระบวนการทางชีววิทยาที่หลากหลายและซับซ้อน รวมถึงพัฒนาการและพฤติกรรมของสมอง เมแทบอลิซึมของไขมัน และการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน ส่วนหนึ่งของการวิจัยเกี่ยวกับการได้รับสารบิสฟีนอล เอ (BPA) ในปลาเซเบราฟิช นักวิทยาศาสตร์ของ EPA

พบว่าสารคล้ายคลึงที่เป็นพิษน้อยกว่าของ BPA จำนวนมากทำลายโครงสร้างชุมชนจุลินทรีย์อย่างมีนัยสำคัญ การศึกษานี้เป็นครั้งแรกที่แสดงให้เห็นว่า BPA และทางเลือกอื่นที่ใช้กันทั่วไปมีผลทำลายโครงสร้างชุมชนจุลินทรีย์

การสัมผัสควันไฟป่า SOT จะจัดการประชุมครั้งแรกโดยเจ้าหน้าที่ของ EPA ในหัวข้อ “Science at the Nexus of Wildfire Smoke and Public Health” ซึ่งจะแบ่งปันผลการวิจัยโดย EPA, US Forest Service และองค์กรอื่นๆ เกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพของควัน การรับสัมผัสเชื้อ การสัมผัสกับควันไฟป่าอาจเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและไม่คาดคิด อาจกินเวลาหลายชั่วโมง

หรือหลายสัปดาห์ และอาจส่งผลกระทบต่อชุมชนที่อาจมีหรือไม่มีแผนรับมือด้านสาธารณสุขเพื่อลดผลกระทบด้านลบจากการสัมผัสควันไฟ EPA กำลังดำเนินการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่จำเป็นอย่างต่อเนื่องเพื่อทำความเข้าใจผลกระทบของควันที่มีต่อคุณภาพอากาศและสุขภาพของประชาชน

ตลอดจนปรับปรุงการจัดส่งและกำหนดเวลาของข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากควันแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่า ส่วนหนึ่งของความพยายามนี้ EPA ได้พัฒนาแอพมือถือชื่อ Smoke Sense เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์พลเมืองมีเครื่องมือในการเรียนรู้เกี่ยวกับผลกระทบด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากควันไฟป่า และมีส่วนร่วมในการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบเหล่านี้

อุกกาบาตกับการพุ่งชนดวงจันทร์ 

admin No Comments

       สำหรับใครที่ศึกษาเกี่ยวกับอวกาศมาจะรู้ดีว่าดาวเคราะห์น้อยรวมถึงดาวหางและอุกกาบาตโดยปกติแล้วสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้เคลื่อนที่ผ่านทางอวกาศด้วยความเร็วสูง

ดังนั้นพวกมันจึงมีพลังในการทำลายล้างสูงเช่นเดียวกันและเมื่อเกิดการพุ่งชนกับดาวเคราะห์หรือดวงจันทร์ขึ้นหินแข็งจะถูกทำลายทันทีและทิ้งร่องรอยที่เรียกว่าหลุมอุกกาบาตเอาไว้ 

          อย่างไรก็ตามจากการค้นคว้าข้อมูลของนักวิทยาศาสตร์พบว่าการพุ่งชนทำให้เกิดหลุมอุกกาบาตบนพื้นผิวของดาวเคราะห์หินและดวงจันทร์จำนวนนับไม่ถ้วนดังนั้นดวงจันทร์จึงมีหลุมอุกกาบาตเป็นจำนวนมากและด้วยสภาพแวดล้อมทำให้หลุมอุกกาบาตยังคงสภาพเดิมมาได้หลายพันล้านปีต่างกับโรคที่พบหลุมอุกกาบาตไม่มากนัก 

      นอกจากนี้ลูกละบาทจำนวนมากบนดวงจันทร์เกิดขึ้นในช่วงแรกของการมีระบบสุริยะตอนที่ดาวเคราะห์ชั้นในระเบิดจากอุกาบาตที่พุ่งชนเนื่องจากพื้นผิวโลกเกิดการกร่อนและมีแรงอื่นมากระทำตลอดเวลา  อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าปัจจุบันการพุ่งชนของอุกกาบาตเกิดขึ้นได้ยากแต่ถึงอย่างไรโลกของเราก็ยังมีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดการพุ่งชนอยู่มากเช่นเดียวกัน 

        สำหรับการพุ่งชนดวงจันทร์นั้นแรงระเบิดของการพุ่งชนของอุกกาบาตไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดเพียงอย่างเดียว

แต่มันขึ้นอยู่กับความเร็วของอุกกาบาตด้วยซึ่งโดยปกติแล้วอุกาบาตจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วอยู่ที่ประมาณ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมงดังนั้นเมื่อมันชนกับวัตถุอย่างดวงจันทร์จึงทำให้เกิดพลังงานจนมากถึง 1000 เท่าของก้อนหินขนาดเดียวกันที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วของรถยนต์ซึ่งการที่อุกกาบาตพุ่งชนพลังงานจนมหาศาลก็จะถูกเปลี่ยนเป็นความร้อนทำให้หินในบริเวณที่ถูกชนละลายหรือระเหยกลายเป็นแก๊สทันทีนั่นเอง 

        อย่างไรก็ตามโดยปกติแล้วบริเวณที่เกิดการพุ่งชนจะละลายไปและทิ้งไว้เพียงแค่ร่องรอยของแร่ธาตุที่เป็นองค์ประกอบของอุกกาบาตเช่นแร่ธาตุโซเดียมในบริเวณที่มันพุ่งชนเท่านั้น นอกจากนี้บริเวณชั้นใต้ฝุ่นของพื้นผิวของดวงจันทร์ก็จะพบว่าจะมีชั้นหินที่แตกร้าวจากการพุ่งชนของอุกกาบาต อีกด้วย

อย่างไรก็ตามจากการที่นักวิทยาศาสตร์ได้มีการสำรวจเกี่ยวกับดวงจันทร์จะพบว่าพื้นผิวของดวงจันทร์นั้นจะถูกปกคลุมด้วยฝุ่นละเอียดหนาเป็นชั้นๆที่เกิดจากการพุ่งชนเป็นพันๆครั้งจากอุกกาบาตนั่นเองซึ่งถึงแม้ว่าอุกกาบาตจะมีขนาดเล็กแต่การพุ่งชนของมันแต่ละครั้งก็จะทำให้เกิดหลุมอุกกาบาตซึ่งมีลักษณะรูปร่างคล้ายกับชามโดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณไม่เกิน 4 กิโลเมตร 

          อย่างไรก็ตามอย่างที่รู้กันดีว่าอุกาบาตนั้นไม่ได้มีการพุ่งชนเฉพาะแค่ดวงจันทร์เท่านั้นแต่มันยังพุ่งชนดาวเคราะห์ดวงอื่นๆมากมายรวมถึงโลกเองก็เคยถูกอุกกาบาตพุ่งชนเช่นเดียวกัน 

 

สนับสนุนโดย    ยูฟ่าสล็อตเว็บตรง

การเกิดหลุมอุกกาบาต 

admin No Comments

        การเกิดหลุมอุกกาบาต  สำหรับในบทความนี้เราจะมีการพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องของการเกิดหลุมอุกกาบาตกรณีที่อุกกาบาตนั้นได้มีการพุ่งชนดาวเคราะห์ต่างๆหรือแม้แต่การพุ่งชนดวงจันทร์หรือการพุ่งชนโลกก็ตามลักษณะของการพุ่งชนของอุกกาบาตนั้นจะทำให้เกิดหลุมอุกกาบาตในลักษณะไหนได้บ้าง

   สำหรับการพุ่งชนของอุกกาบาตนั้นจะเกิดหลุมอุกกาบาตแบบเต็มรูปแบบใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นอย่างไรก็ตามส่วนใหญ่แล้ว

เรามักจะเห็นหลุมอุกกาบาตเกิดขึ้นหลังจากการชนไม่กี่วินาทีและปล่อยพลังงานมหาศาลเทียบเท่าหรือมากกว่าแรงของระเบิดนิวเคลียร์ดังนั้นการพุ่งชนของอุกกาบาตขนาดเล็กก็จะเกิดหลุมคล้ายกับชามแต่สำหรับการพุ่งชนของอุกกาบาตขนาดใหญ่นั้น จะทำให้เกิดหลุมรูปร่างซับซ้อนที่มีใจกลางเป็นเนินเขาหรือที่ราบขั้นบันไดเกิดขึ้นเลยทีเดียว 

    สำหรับลักษณะของการพุ่งชนของอุกกาบาตขนาดใหญ่นั้นเมื่ออุกกาบาตพุ่งชนดวงจันทร์ก็จะเกิดแรงดันมหาศาลหลังจากนั้นก็จะมีการส่งคลื่นกระแทกทำลายล้างบนชั้นหินของพื้นผิวของดวงจันทร์ซึ่งหลังจากนั้นก็จะเกิดหลุมอุกกาบาตชั่วคราวเกิดขึ้น

โดยเร็วๆนี้จะมีพลังงานที่ออกมาจากการกระแทกทำให้อุกกาบาตและพื้นผิวที่เป็นหินแตกออกระเหยกลายเป็นไอซึ่งเศษซากต่างๆเหล่านี้ก็จะมีการกระจัดกระจายออกเป็นสารอัคนีรูปกรวยเกิดเป็นหลุมอุกกาบาตลึกลงเพียงชั่วคราวเท่านั้น

      อย่างไรก็ตามหลังจากที่หลวงปู่บาดลึกลงทะเบียนชั่วคราวเสร็จเรียบร้อยแล้วหลังจากนั้นไม่นานก็จะมีการยุบตัวและคืนรูป

โดยเกิดจากแรงมหาศาลที่เกิดจากการชนสามารถทำให้หินถูกบดและไหลเหมือนของเหลวเพิ่มหลุมก็จะเกิดการยุบตัวและการคืนตัวเหมือนน้ำเกิดเป็นเนินเขาที่กลางหลุม  หลังจากนั้นก็จะเกิดหลุมอุกกาบาตที่เสร็จสมบูรณ์ซึ่งหลังจากเกิดหลุมอุกกาบาตบนดวงจันทร์มันจะคงรูปทรงไว้อย่างนั้นจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางธรณีเช่นการเกิดภูเขาไฟหรือหลุมอุกกาบาตที่เก่าแก่ก็มักจะมีหลุมอุกกาบาตใหม่ๆอยู่ภายในเป็นต้น

      อย่างไรก็ตามเราสามารถยกตัวอย่างอุบาทว์ที่พุ่งชนโลกได้และเป็นหลุมขนาดใหญ่โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดเป็นหลุมอุกกาบาต badfinger หรือที่เรารู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า อุกกาบาต Meteor  

ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้มีการสันนิษฐานว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่แรกที่พบหลักฐานการพุ่งชนของอุปกรณ์อุกกาบาตบนพื้นผิวโลกโดยเกิดขึ้นที่รัฐแอริโซนา  ประเทศสหรัฐอเมริกา  

        ซึ่งอุกาบาตดังกล่าวนั้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 1 กิโลเมตรและทางนักวิทยาศาสตร์ก็ได้มีการสำรวจพบแล้วว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 50,000 ปีที่แล้ว โดย อุกาบาตได้มีการพุ่งชนผิวโลกด้วยความเร็วประมาณ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและจากการพุ่งชนในครั้งนั้นก็ได้มีการปล่อยพลังงานมากกว่าระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมะมากถึง 1000 เท่าอีกด้วย 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย    gclub

ปรากฏการณ์ทะเลโฟม 

admin No Comments

           เชื่อว่าเมื่อพูดถึงทะเลโฟมหลายคนอาจจะนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการจัดปาร์ตี้และมีการนำโฟมมาฉีดเล่นกันในงานปาร์ตี้นั้นแต่อันที่จริงถ้าเลยโฟมที่เรากำลังพูดถึงนี้คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในทะเล 

ถ้าหากพูดถึงปรากฏการณ์ทะเลโฟมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเชื่อว่าหลายคนอาจจะนึกไม่ออก 

เพราะอาจจะไม่ค่อยคุ้นชินหรือไม่ค่อยเห็นเหตุการณ์แบบนี้กันสักเท่าไหร่นัก

         อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์ทะเลโฟมนั้นเกิดขึ้นจริงและขณะของทะเลโฟมนั้นก็จะเป็นลักษณะเหมือนกับทะเลคาปูชิโน่

ซึ่งเชื่อว่าหลายคนคงพอจะนึกภาพกาแฟคาปูชิโน่ออกที่มันจะมีฟองขึ้นด้านบนของแก้วกาแฟคาปูชิโน่นั้นเอง  สำหรับปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นทางทะเลซึ่งลักษณะของทะเลโฟมนั้นมันเป็นการลักษณะของคลื่นที่ซัดเอาโฟมเข้ามาแถวบริเวณชายฝั่งด้วยจำนวนโฟมที่มากมายมหาศาล

ซึ่งเมื่อหลายคนที่ได้เห็นทะเลโฟมไม่ได้เกิดความหวาดกลัวแต่เขารู้สึกว่ามันคือสถานที่ที่สามารถจัดงานปาร์ตี้ได้ดังนั้น  ufabet   เราจะเห็นได้ว่าจะมีผู้คนที่ได้เห็นปรากฏการณ์ทะเลโฟมลงไปเล่นทะเลโฟมกันอย่างคับคลั่งกันเลยทีเดียว 

          อย่างไรก็ตามถ้าหากใครนึกถึงปรากฏการณ์ทะเลโฟมไม่ออกว่ามันมีลักษณะแบบไหนถ้าหากนึกถึงกาแฟคาปูชิโน่แล้วยังนึกถึงภาพได้มาชัดเจนแนะนำว่าคุณลองนึกถึงภาพว่าคุณมีการซักผ้าโดยใช้ผงซักฟอกเยอะมากจนเกินไปจนเกิดฟองขึ้นเต็มกะละมังซักผ้าของคุณนอกจากนี้ลองของผงซักผ้าที่เป็นกะละมังนั้นยังเป็นสีขุ่นรอดูสกปรกเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 

        อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าผู้คนจะสนุกสนานกับการเล่นทะเลโฟมแต่คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าทะเลโฟมนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร อย่างไรก็ตามจากการที่นักวิทยาศาสตร์ได้มีการเข้ามาวิเคราะห์เกี่ยวกับการเกิดปรากฏการณ์ทะเลโฟมนั้นเชื่อว่ามันมีปัจจัยที่สามารถเกิดขึ้นได้หลายอย่าง

ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าปรากฏการณ์นี้มันจะเกิดขึ้นมาจากการสะสมขยะในท้องทะเลหรือแม้แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดภาวะโลกร้อนอุณหภูมิในท้องทะเลนั้นสูงขึ้น  หรือมีทั้งทะเลมีเกลือเป็นจำนวนมากเกินไปนอกจากนี้อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับคลื่นลมแรงที่ตีน้ำให้กลายเป็นฟองได้ 

          นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์กันว่าแท้ที่จริงแล้วปรากฏการณ์ทะเลโฟมนั้นน่าจะเกิดจากการที่ในท้องทะเลมีขยะมากเกินไปและขยะก็มีการผสมเข้ากับเกลือในทะเล หลังจากนั้นก็กลายเป็นฟองในน้ำอุ่นอุ่น หลังจากนั้นฟองต่างต่างเหล่านี้ก็ถูกคลื่นและลมพัดเข้ามาที่บริเวณชายฝั่ง 

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าผู้คนจะยังไม่สามารถรู้ได้แน่ชัดว่าปรากฏการณ์ทะเลโฟมนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไรแต่เมื่อใดก็ตามที่มีปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นผู้คนต่างก็ชื่นชอบเพราะการเล่นทะเลโฟมนั้นมันค่อนข้างสนุกสนานมากนั่นเอง