ดวงอาทิตย์ ถือว่าเป็นดาวฤกษ์ดวงหนึ่งที่เราสามารถมองเห็นได้ทุกวัน

ดวงอาทิตย์ ถือว่าเป็นดาวฤกษ์ดวงหนึ่งที่เราสามารถมองเห็นได้ทุกวัน

admin No Comments

     ดวงอาทิตย์  สำหรับในบทความนี้เราจะมาพูดถึงดวงอาทิตย์ ซึ่งดวงอาทิตย์นั้นถือว่าเป็นดาวฤกษ์ดวงหนึ่งที่เราสามารถมองเห็นได้ทุกวันในช่วงเวลากลางวันลักษณะของดวงอาทิตย์นั้นก็เหมือนกับลูกบอลพร้อมมีความกลม

แต่ดวงอาทิตย์นั้นมีขนาดที่ใหญ่มากในขณะเดียวกันก็มีข้อให้กับลูกไฟที่ลุกโชนสว่างกล้าสร้างความร้อนอบอ้าวให้กับคนที่อยู่เบื้องล่างอย่างมนุษย์เราอย่างไรก็ตามดวงอาทิตย์นั้นมีองค์ประกอบหลักที่สำคัญด้วยกัน

นั่นก็คือแก๊สไฮโดรเจนและฮีเลียมซึ่งองค์ประกอบหลักทั้งสองสิ่งนี้เองที่มีส่วนสำคัญที่ให้เกิดความร้อนที่สูงมากๆนั่นเอง

      ยังไงก็ตามในทุกๆวันที่เราตื่นเช้าขึ้นมาเราจะเห็นว่าดวงอาทิตย์จะค่อยๆขึ้นและให้แสงสว่างกับเราซึ่งดวงอาทิตย์นี้มีการส่องสว่างมานานเกือบ 5 พันล้านปีมาแล้ว

และแสงอาทิตย์ก็จะยังคงส่งต่อไปอีกเรื่อยๆอย่างยาวนานซึ่งมีการคาดการณ์ว่าน่าจะมีดวงอาทิตย์ที่ให้แสงสว่างกับเราไปนับอีก 5000 ล้านปีเลยทีเดียว 

     

ดวงอาทิตย์นั้นมีแรงดึงดูดที่มากมายมหาศาลสามารถดูสิ่งต่างๆเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ได้ปริมาณของดวงอาทิตย์นั้นมีมากกว่าโลกเป็นล้านเท่าในขณะเดียวกันก็มีมวลมากกว่า ระบบสุริยะละ 99 ซึ่งส่งผลทำให้ไม่ว่าจะเป็นดาวเคราะห์ต่างๆที่โคจรมาอยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์ต่างก็จะถูกดึงดูดเข้าไปในดวงอาทิตย์

       อย่างไรก็ดีจะเห็นได้ดวงว่าดวงอาทิตย์นั้นคือแหล่งกำเนิดของพลังงานที่ยิ่งใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งแกนกลางของดวงอาทิตย์ที่ลึกลงไปนั้นมีอุณหภูมิความร้อนถึง 15 ล้านองศาเซลเซียสเลยทีเดียวซึ่งอุณหภูมิความร้อนนี้จะทำให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันที่สามารถที่จะทำการเปลี่ยนสสาร 4 ล้านตันให้เป็นพลังงานที่บริสุทธิ์ได้โดยการเปลี่ยนนี้จะเกิดขึ้นทุกๆวินาทีเลยทีเดียว 

      สำหรับสสารที่ถูกเปลี่ยนมาเป็นพลังงานบริสุทธิ์ทุกๆวินาทีนั้นจะถูกนำพลังงานดังกล่าวนี้พ่นออกมายังผิวของดวงอาทิตย์ซึ่ง    ีดฟิำะ   จะสะท้อนให้เราเห็นในรูปแบบของรังสีและแสงต่างๆอย่างที่เราสามารถมองเห็นสีส้มอมแดงของดวงอาทิตย์ได้นั่นเองนั่นคือสสารมีการปล่อยออกมาจากแกนกลางของดวงอาทิตย์ 

       อย่างไรก็ตามดวงอาทิตย์ไม่ได้มีแค่แสงและรังสีเท่านั้นแต่ดวงอาทิตย์ยังคงมีจุดมืดซึ่งบางครั้งเราจะสามารถมองเห็นได้จุดมืดดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเนื่องจากว่าผิวของดวงอาทิตย์มีอุณหภูมิประมาณ 2,000 เซลเซียสซึ่งเป็นจุดที่อุณหภูมิเย็นมากกว่าจุดอื่นๆดังนั้นบริเวณดังกล่าวจึงจะค่อนข้างมืด  อย่างไรก็ตามจุดมืดนี้เราไม่ได้เห็นอยู่บ่อยครั้งนัก  ซึ่งทางตอนไหนที่ดวงอาทิตย์มีจุดมืดเมื่อไหร่จะมืดดังกล่าวนั้นจะปรากฏให้เราเห็นได้เพียงแค่ประมาณ 2-3 สัปดาห์เพียงเท่านั้น 

ปรากฏการณ์ทะเลโฟม 

admin No Comments

           เชื่อว่าเมื่อพูดถึงทะเลโฟมหลายคนอาจจะนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการจัดปาร์ตี้และมีการนำโฟมมาฉีดเล่นกันในงานปาร์ตี้นั้นแต่อันที่จริงถ้าเลยโฟมที่เรากำลังพูดถึงนี้คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเอง

ตามธรรมชาติเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในทะเล  ถ้าหากพูดถึงปรากฏการณ์ทะเลโฟมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเชื่อว่าหลายคนอาจจะนึกไม่ออก  เพราะอาจจะไม่ค่อยคุ้นชินหรือไม่ค่อยเห็นเหตุการณ์แบบนี้กันสักเท่าไหร่นัก

         อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์ทะเลโฟมนั้นเกิดขึ้นจริงและขณะของทะเลโฟมนั้นก็จะเป็นลักษณะเหมือนกับทะเลคาปูชิโน่ซึ่งเชื่อว่าหลายคนคงพอจะนึกภาพกาแฟคาปูชิโน่ออกที่มันจะมีฟองขึ้นด้านบนของแก้วกาแฟคาปูชิโน่นั้นเอง 

สำหรับปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นทางทะเลซึ่งลักษณะของทะเลโฟมนั้นมันเป็นการลักษณะของคลื่นที่ซัดเอาโฟมเข้ามาแถวบริเวณชายฝั่งด้วยจำนวนโฟมที่มากมายมหาศาล

ปรากฏการณ์ทะเลโฟม  ซึ่งเมื่อหลายคนที่ได้เห็นทะเลโฟมไม่ได้เกิดความหวาดกลัวแต่เขารู้สึกว่ามันคือสถานที่ที่สามารถจัดงานปาร์ตี้ได้ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าจะมีผู้คนที่ได้เห็นปรากฏการณ์ทะเลโฟมลงไปเล่นทะเลโฟมกันอย่างคับคลั่งกันเลยทีเดียว 

          อย่างไรก็ตามถ้าหากใครนึกถึงปรากฏการณ์ทะเลโฟมไม่ออกว่ามันมีลักษณะแบบไหนถ้าหากนึกถึงกาแฟคาปูชิโน่แล้วยังนึกถึงภาพได้มาชัดเจนแนะนำว่าคุณลองนึกถึงภาพว่าคุณมีการซักผ้าโดยใช้ผงซักฟอกเยอะมากจนเกินไปจนเกิดฟองขึ้นเต็มกะละมังซักผ้าของคุณนอกจากนี้ลองของผงซักผ้าที่เป็นกะละมังนั้นยังเป็นสีขุ่นรอดูสกปรกเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 

        อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าผู้คนจะสนุกสนานกับการเล่นทะเลโฟมแต่คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าทะเลโฟมนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร อย่างไรก็ตามจากการที่นักวิทยาศาสตร์ได้มีการเข้ามาวิเคราะห์เกี่ยวกับการเกิดปรากฏการณ์ทะเลโฟมนั้นเชื่อว่ามันมีปัจจัยที่สามารถเกิดขึ้นได้หลายอย่าง

ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าปรากฏการณ์นี้มันจะเกิดขึ้นมาจากการสะสมขยะในท้องทะเลหรือแม้แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดภาวะโลกร้อนอุณหภูมิในท้องทะเลนั้นสูงขึ้น  หรือมีทั้งทะเลมีเกลือเป็นจำนวนมากเกินไปนอกจากนี้อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับคลื่นลมแรงที่ตีน้ำให้กลายเป็นฟองได้ 

          นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์กันว่าแท้ที่จริงแล้วปรากฏการณ์ทะเลโฟมนั้น  สล็อต เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์   น่าจะเกิดจากการที่ในท้องทะเลมีขยะมากเกินไปและขยะก็มีการผสมเข้ากับเกลือในทะเล หลังจากนั้นก็กลายเป็นฟองในน้ำอุ่นอุ่น หลังจากนั้นฟองต่างต่างเหล่านี้ก็ถูกคลื่นและลมพัดเข้ามาที่บริเวณชายฝั่ง 

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าผู้คนจะยังไม่สามารถรู้ได้แน่ชัดว่าปรากฏการณ์ทะเลโฟมนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไรแต่เมื่อใดก็ตามที่มีปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นผู้คนต่างก็ชื่นชอบเพราะการเล่นทะเลโฟมนั้นมันค่อนข้างสนุกสนานมากนั่นเอง 

รู้หรือไม่มหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรแปซิฟิกนั้นน้ำไม่ได้ไหลมารวมกัน

admin No Comments

         รู้หรือไม่มหาสมุทรแอตแลนติก ถึงแม้ว่าจะเป็นน้ำแต่มันก็มีความแตกต่างกันมหาสมุทรแอตแลนติกกับมหาสมุทรแปซิฟิกมีความหนาแน่นและลักษณะทางเคมีที่แตกต่างกันเช่นระดับความเค็มและคุณภาพอื่นๆ

จะเห็นได้ชัดว่าฝั่งนึงมีสีที่แตกต่างอย่างชัดเจนและเขตแดนที่กั้นระหว่างสองมหาสมุทรออกจากการด้วยลักษณะทางกายภาพและชีวภาพที่ต่างกันเรียกว่า โอนเชียน ไคลน์  

           แฮโล ไคลน์  คือพรมแดนระหว่างน้ำที่ระดับความเค็มต่างกัน  มันเป็นสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดและนี่คือสิ่งที่ทำให้เรามองเห็นจุดบรรจบกันระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกกับมหาสมุทรแปซิฟิก  นักสำรวจชื่อดัง  ฌาคส์ กุสโต ค้นพบสิ่งนี้ในขณะที่เขากำลังดำน้ำลึกอยู่ในช่องแคบยิบรอลต้า ชั้นของน้ำที่มีความเค็มต่างกันจึงจะถูกแบ่งด้วยฟิล์มใสและแต่ละชั้นก็มีพืชและสัตว์อาศัยอยู่เป็นของตัวเอง 

         แฮโล ไคลน์   เกิดขึ้นเมื่อน้ำในมหาสมุทร  โดยทะเลมีความเข้มอย่างน้อยมากกว่า 5 เท่าของน้ำในอีกด้านนึง  คุณสามารถทดลองสร้าง แฮโล ไคลน์  ได้ที่บ้านโดยการเทน้ำทะเลหรือน้ำเกลือผสมสีลงในแก้วจากนั้นเติมน้ำจืดตามลงไปแต่ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ แฮโล ไคลน์  ของคุณจะเกิดขึ้นในแนวนอน แต่ในมหาสมุทรมันเกิดขึ้นในแนวตั้ง

         ถ้าหากจำหลักฟิสิกส์พื้นฐานได้คุณอาจจะเถียงว่าของเหลวที่มีความหนาแน่นมากกว่าจะอยู่ใต้ของเหลวที่มีความหนาแน่นน้อยกว่า หากนั้นเป็นความจริงเหตุการณ์ระหว่างมหาสมุทรทั้งสองไม่น่าจะมีลักษณะเป็นแนวตั้งเป็นแนวนอนและความแตกต่างระหว่างความเค็มของพวกมันยิ่งน้อยลงเท่าไหร่มันก็จะไหลมารวมกันมากเท่านั้น แล้วทำไมมันถึงได้เป็นแบบนั้น  

         ประการแรกความแตกต่างของความหนาแน่นของน้ำในมหาสมุทรทั้งสองนั้นไม่ได้ชัดเจนจนทำให้ฝ่ายนึงจมอยู่ข้างใต้และ ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรออยู่ข้างบนแต่ก็ยังไม่ถึงกับทำให้พวกมันผสมรวมกัน  ส่วนประการที่สองคือแรงเฉื่อย  หนึ่งได้รับเฉื่อยที่รู้จักกันในชื่อแรงคอริออลิสคือแรงที่มีอิทธิพลต่อวัตถุ

เมื่อพวกมันเคลื่อนที่ในระบบของแกนกลางซึ่งในทางกลับกันเองก็เคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน  พูดง่ายๆก็คือโลกของเรากำลังหมุนเพราะว่าทุกอย่างบนโลกก็จะถูกแรงโคริโอลิสเบี่ยงเบนไปจากทิศทางของมัน ผลที่ตามมาคือวัตถุบนพื้นผิวโลกจะไม่ได้เคลื่อนที่ตรงไปข้างหน้า

      ในซีกโลกเหนือมันจะถูกเปลี่ยนเป็นไปในทิศทางตามเข็มนาฬิกาและทวนเข็มนาฬิกาในซีกโลกใต้  แต่โลกกำลังเคลื่อนไหวอย่างช้าๆมันใช้เวลาทั้งวันในการหมุนรอบแกนตัวเองนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผลกระทบจาก คอริออลิส  เราจะสามารถเห็นได้ชัดในช่วงเวลาที่ยาวนานเท่านั้นเช่นเมื่อมีพายุไซโคลนหรือทางมหาสมุทรนี่เป็นเหตุให้ทิศทางของการไหลของมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรแปซิฟิกและแตกต่างกันดังนั้นมันจึงไม่ไหลมารวมกัน

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ufabet

ลักษณะของดวงดาว

admin No Comments

     เมื่อเราแหงนมองไปบนท้องฟ้าจะเห็นได้ว่า ดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้านั้นส่องประกายระยิบระยับแพรวพราวดูแล้วงดงามจับตาเป็นยิ่งนักแต่คุณรู้หรือไม่ว่าความจริงแล้วท้องฟ้าที่เราเห็นอยู่นั้นว่ามีความสวยงามเมื่อเรามองในระยะใกล้ภาพความสวยงามนั้นจะแตกต่างจากที่เราเห็นอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว

ดาวเคราะห์หรือดวงดาวแต่ละดวงนั้นจะมีลักษณะเฉพาะที่มีความแตกต่างกันออกไปดังนั้นวันนี้เราจะมาพูดถึงลักษณะของดวงดาวหรือดาวเคราะห์ต่างๆว่ามีลักษณะเป็นแบบใดบ้าง

    ลักษณะของดวงดาว สำหรับกลุ่มดาวเคราะห์น้อยนั้น จะมีปริมาณมากมายมหาศาลมีปริมาณนับล้านดวงเลยทีเดียวซึ่งดาวเคราะห์น้อยส่วนใหญ่นั้นจะเป็นดวงดาวที่เป็นวงโคจรหมุนรอบดวงอาทิตย์ลักษณะก็จะคล้ายกับก้อนหินดาวเคราะห์น้อยส่วนมากที่เรามองเห็นนั้นจะอยู่ระหว่างดาวพฤหัสบดีและดาวอังคาร

อย่างไรก็ตามยังคงมีดาวเคราะห์น้อยบางส่วนที่มีวงโคจรที่อยู่ใกล้กับโลกซึ่งกลุ่มดาวเคราะห์น้อยที่อยู่ในวงโคจรที่อยู่ใกล้กับโลกนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ต่างก็พากันหวาดกลัวว่าจะส่งผลอันตรายต่อโลกได้ถ้าหากว่าถูกแรงดึงดูดของโลกดึงเข้าไปชนกับโรคก็อาจจะทำให้โลกของเรานั้นแตกได้นั่นเอง 

  •         ดาวหาง  นักวิทยาศาสตร์

ใดมีการพบว่าลักษณะของดาวหางนั้นจะเป็นก้อน น้ำแข็งแต่ดาวหางนั้นจะเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลาซึ่งดาวหางนั้นเคลื่อนตัวมาจากระบบสุริยะเมื่อมันมาใกล้กับดวงอาทิตย์ซึ่งมีความร้อนแรงจะทำให้ก้อนน้ำแข็งนั้นเกิดการ ระเหยโดยลักษณะของการระเหยนี้เองที่ทำให้เวลาที่เรามองดูดาวหางจะเห็นลักษณะของดวงดาวดวงนั้นมีหางซึ่งเกิดจากที่ก้อนน้ำแข็งนั้นละลายเกิดเป็นแสงสว่างเป็นทางคล้ายกับหางนั่นเอง

  •       ดาวเคราะห์แคระ 

สำหรับดาวเคราะห์ชนิดนี้เป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักนอกจากนี้และโน้มถ่วงของมันก็มีน้อยมากไม่พอที่จะสามารถดึงดูดสิ่งต่างๆให้มาโคจรรอบตัวของมันได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัตถุขนาดใหญ่อย่างไรก็ตามสำหรับดาวเคราะห์แคระนั้นเป็นการเกิดขึ้นมาจากการดึงวัตถุขนาดใหญ่มากๆมารวมตัวกันทำให้เกิดเป็นทรงกลมซึ่งดาวเคราะห์แคระนั้นมีอยู่เป็นจำนวนมากแต่นักวิทยาศาสตร์หลายคนก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าในระบบสุริยะจักรวาลนี้มีดาวเคราะห์แคระทั้งหมดกี่ล้านดวงด้วยกัน 

  •        ดวงจันทร์ 

สำหรับดวงจันทร์นั้นถือว่าเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่งซึ่งดาวเคราะห์ดวงนี้นั้นเป็นบริวารที่อยู่ในวงโคจรของระบบสุริยะ ดวงจันทร์นั้นจะเป็นดาวที่หมุนรอบดาวเคราะห์โดยวิธีการหมุนนั้นจะมีความคล้ายคลึงกับดวงอาทิตย์เป็นอย่างมากอย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ได้มีการตรวจสอบพบว่าในระบบสุริยะจักรวาลที่เห็นอยู่ในตอนนี้นั้นมีดวงจันทร์ไม่ใช่เพียงแค่ดวงเดียวเท่านั้นแต่ มีมากถึง 19 ดวงด้วยกันและบางดวงนั้นก็มีขนาดใหญ่มากกว่าดาวพุธด้วยซ้ำไป 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    www.ufabet.com เริ่มเดิมพัน

โครงสร้างของระบบสุริยะ

admin No Comments

       อย่างที่เรารู้กันดีว่าระบบสุริยะนั้นมีขนาดที่ใหญ่มากๆและเราไม่สามารถที่จะรู้ได้เลยว่าขอบเขตของระบบสุริยะนั้นอยู่ตรงบริเวณจุดไหนซึ่งเป็นขอบเขตที่นักวิทยาศาสตร์เองก็เคยไปสำรวจมาแล้วแต่ก็ไม่สามารถระบุขอบเขตที่ชัดเจนได้ดังนั้นเราจึงวัดระยะทางด้วยหน่วยวัดทั่วไปจากกิโลเมตรภายในระบบสุริยะไม่ได้นั่นเอง

       ยังไงก็ตามถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถวัดระยะทางของในระบบสุริยะได้ว่ามีขอบเขตถึงจากจุดไหนไปยังจุดไหนแต่ในทางดาราศาสตร์นั้นก็มีการตั้งหน่วยวัดระบบสุริยะเป็น AU ซึ่ง 1 AU   นั้นเทียบเท่ากับระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์นั่นเอง 

    สำหรับโครงสร้างในระบบสุริยะนั้นจะประกอบไปด้วยระบบสุริยะชั้นในซึ่งในส่วนนี้จะมีดาวเคราะห์ทั้งหมด 4 ดวงด้วยกันซึ่งดาวเคราะห์ทั้ง 4 ดวงนี้จะโคจรอยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์มากที่สุดและเป็นดาวเคราะห์ที่เราเคยได้ยินและคุ้นหูเนื่องจากว่าดาวเคราะห์ทั้ง 4 ดวงนั้นก็ได้แก่ดาวพุธรวมถึงดาวศุกร์และโลกและดาวอังคารนั่นเอง   

  อย่างไรก็ตามจากดาวอังคารมาก็จะมีแถบของดาวเคราะห์น้อยซึ่งบริเวณนี้จะกินพื้นที่ออกไปจนเกือบถึงวงโคจรของดาวพฤหัสบดีเลยทีเดียวซึ่งเราสามารถสังเกตเห็นได้โดยวงโคจรนั้นจะเป็นสีส้มและระยะทางภายในระบบสุริยะชั้นในนี้จะมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 5 AU

       โครงสร้างของระบบสุริยะ จากระบบสุริยะชั้นในก็กลายมาเป็นสุริยะชั้นนอกซึ่งจะเริ่มต้นของจุฬาชั้นนอกนั้นเริ่มจากวงโคจรของดาวพฤหัสบดีด้วยค่ะต่อไปมันก็จะเป็นดาวเสาร์และดาวยูเรนัส

รวมถึงดาวเนปจูนซึ่งระยะห่างนี้จะมีการวัดจากดวงอาทิตย์ได้ประมาณ 30 ถึง 50AU  ยังไงก็ตามต้องเดินระบบสุริยะชั้นนอกนี้จะมีแถบไคเปอร์ซึ่งโปรนี้มีวัตถุขนาดใหญ่อยู่ 2 ก้อนด้วยกันโดยเราเรียกว่าถูก 2 ก้อนนี้ว่าดาวพลูโตและดาวเอริสนั่นเอง 

        จากโครงสร้างของระบบสุริยะจะเห็นได้ว่าขับออกมาจากดาวพลูโตแล้วก็จะมีวัตถุหนึ่งที่อยู่ไกลออกมาจากระบบสุริยะซึ่งทางนักดาราศาสตร์ได้มีการเรียกว่า เซดนา โดยตำแหน่งดังกล่าวนั้น จะอยู่ไกลจากดวงอาทิตย์มากโดยคำนวณเกี่ยวกับระยะทางว่าไกลถึง 937AU เลยทีเดียว 

อย่างไรก็ตามมีการค้นพบว่าเซดนานี้ มีวงโคจรที่ค่อนข้างยาวเป็นพิเศษซึ่งต้องใช้ระยะเวลาถึง 11400 ปีจึงจะสามารถเดินทางได้ครบ 1 รอบวงโคจร  ดังนั้นถ้าหากเราอยู่บริเวณ เซดนา เราจะไม่สามารถมองเห็นดวงอาทิตย์เลยเพราะว่ามีขนาดเล็กมากเท่ากับรูเข็มเท่านั้นเอง 

          และจุดที่ใกล้ที่สุดของโครงสร้างในระบบสุริยะนั่นก็คือกลุ่มเมฆออร์ต  ซึ่งจะอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 1 แสนAU เบอร์กลุ่มเมฆออร์ตนี้เกิดจากการรวมตัวของก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่แต่เนื่องจากว่าอยู่ไกลจากดวงอาทิตย์มากดังนั้นจึงไม่มีโอกาสที่มืดอ๊อดนี้จะถูกแรงดึงดูดจากดวงอาทิตย์ดูดเข้าไปใกล้ได้เลย 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ufabet

บริวารของดวงอาทิตย์ 

admin No Comments

    บริวารของดวงอาทิตย์     เมื่อเรามีการพูดถึงดวงอาทิตย์ตามหลักทางวิทยาศาสตร์แล้วมีการตรวจสอบพบว่าดวงอาทิตย์นั้นอยู่ในพื้นที่ของระบบสุริยะซึ่งระบบสุริยะนั้นก็เกิดจากการรวมตัวกันของวัตถุขนาดใหญ่  ยังไงก็ตามระบบสุริยะที่นักวิทยาศาสตร์ได้มีการออกไปสำรวจนั้นจะเห็นได้ว่ามีลักษณะคล้ายกับจานที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนซึ่งระบบสุริยะนั้นมีการคาดการณ์ว่าน่าจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางที่มากกว่า 3 ล้านล้านกิโลเมตรเลยทีเดียว 

          ดวงอาทิตย์เองก็เป็นหนึ่งในดาวฤกษ์ที่อยู่ในระบบสุริยะเช่นเดียวกันซึ่งในระบบสุริยะนั้นจะมีพื้นที่ว่างทำให้มีวัตถุต่างๆกระจัดกระจายอยู่เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด

ดังนั้นนอกจากดาวฤกษ์อย่างดวงอาทิตย์แล้วก็จะมีทั้งดวงจันทร์รวมถึงดาวหางและดาวเคราะห์น้อยและดาวเคราะห์แคระก็อยู่ในระบบสุริยะนี้ด้วยเช่นเดียวกัน  อย่างไรก็ตามจากการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์จะพบว่ามีวัตถุแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนถึงแม้ว่าจะมีการกระจัดกระจายอยู่ในระบบสุริยะแต่ก็มีดาวเคราะห์กลุ่มหนึ่ง

ซึ่งมีทั้งหมด 8 ดวงด้วยกันมีลักษณะการโคจรในทิศทางเดียวกันคล้ายกับมีการดึงดูดกันเอาไว้หมุนรอบดวงอาทิตย์ซึ่งวัตถุดังกล่าวนี้เป็นวัตถุทรงกลมขนาดใหญ่   อย่างไรก็ตามวัตถุทั้ง 8 ดวงนั้นมีขนาดที่แตกต่างกันออกไปซึ่งขนาดที่เล็กที่สุดได้มีการถูกตั้งชื่อว่าดาวพุธในขณะที่วัตถุที่มีขนาดทรงกลมที่ใหญ่ที่สุดนั้นถูกตั้งชื่อว่าดาวพฤหัสบดีนั่นเอง

       สำหรับวัตถุทรงกลมที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบทั้งหมด 8 ดวงด้วยกันและถูกนำมาตั้งเป็นชื่อดาวนั้นได้แก่ดาวพุธ  ดาวศุกร์   โลก  ดาวอังคาร  ดาวพฤหัสบดี  ดาวเสาร์  ดาวยูเรนัสและดาวเนปจูนนั่นเอง  นอกจากดาวที่มีการกล่าวมาข้างต้นทั้ง 8 ดวงนี้แล้วระบบสุริยะยังมีดวงจันทร์เป็นบริวารอีกด้วยซึ่งดวงจันทร์ที่มีการปรากฏอยู่ในระบบสุริยะที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ดวงหรือ 2 ดวงเท่านั้นแต่มีมากเป็นร้อยดวงเลยทีเดียวนอกจากนี้ดาวบางดาวนั้นก็มีลักษณะเป็นหางซึ่งเราเรียกกันว่าดาวหางนั่นเอง 

         ดังนั้นเราสามารถสรุปได้ว่าบริวารของดวงอาทิตย์นั้นประกอบไปด้วยดาวทั้งหมด 8 ดวงซึ่งมีขนาดเล็กแก่แตกต่างกันออกไปโดยดาวทั้งหมดก็จะมีลักษณะของการเรียงวงจรในลักษณะเดียวกันหรือในทิศทางเดียวกัน  นอกจากนี้วัตถุขนาดเล็กในระบบสุริยะนั้นก็ถือว่าเป็นดาวดวงหนึ่งเช่นเดียวกันแต่จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป

โดยเราจะเรียกวัตถุขนาดเล็กในระบบสุริยะว่าดาวเคราะห์ซึ่งในดาวเคราะห์นั้นก็จะมีทั้งดาวเคราะห์น้อยรวมถึงดาวเคราะห์แคระ  โดยส่วนใหญ่แล้วดาวเคราะห์ที่อยู่ในระบบสุริยะจักรวาลมีขนาดไม่ได้ใหญ่มากนักดังนั้นโดยปกติเส้นผ่าศูนย์กลางของดาวเคราะห์เหล่านี้จึงอยู่ที่ประมาณ 200 กิโลเมตรหรืออาจจะมีขนาดเล็กมากกว่านี้ก็ได้เช่นเดียวกัน 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    gclub ผ่านเว็บ มือ ถือ

ข้อมูลด้านในของดาวพุธ

admin No Comments

     ข้อมูลด้านในของดาวพุธ สำหรับในบทความนี้เราจะมาพูดถึงรายละเอียดข้อมูลในพื้นที่แกนกลางของดาวพุธว่ามีลักษณะเป็นแบบไหน โดยจากการสำรวจของวิทยาศาสตร์เชื่อว่าดาวพุธนั้นจะมีแกนกลางขนาดใหญ่มหึมาซึ่งด้านในการการนั้นจะประกอบไปด้วยเหล็กสำหรับสาเหตุสำคัญที่นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าแกนกลางของดาวพุธประกอบไปด้วยเหล็ก  นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังเชื่ออีกว่าตรงจุดของการกลางของดาวพุธนั้นยังประกอบไปด้วยของเหลว นั่นก็เพราะว่าถ้าจะสังเกตให้ดีในขณะที่ดาวพุธนั้นมันมีการหมุนมันจะมีการฝ่ายเล็กน้อยด้วย 

          อย่างไรก็ตามถัดออกมาจากตัวแกนกลางของดาวพุธนั้นเราจะสามารถตรวจสอบเจอเข้ากับเนื้อของดาวพุธซึ่งบริเวณนี้เราเรียกกันว่าเป็นชั้นหินซิลิเกต โดยชั้นหินนี้มีเพียงแค่บางๆเท่านั้นมีความหนาเพียงแค่ประมาณ 600 กิโลเมตรซึ่งถ้าหากเปรียบความหนานั้นก็คล้ายคลึงกับความหนาของเนื้อโลกนั่นเอง 

             สำหรับส่วนที่ถอดออกมาจากเนื้อของดาวพุธนั้นเราจะเรียกกันว่าเปลือกชั้นนอกซึ่งตรงบริเวณนี้นั้นทางนักวิทยาศาสตร์มีความเชื่อว่าเรื่องของดาวพุธนั้นไม่มีความคล้ายคลึงกับเปลือกโลกที่เราอาศัยอยู่เลยโดยนักวิทยาศาสตร์มองว่า ตรวจชั้นนอกของดาวพุธนั้นเป็นลักษณะขอชั้นหินบางๆเท่านั้นและประกอบไปด้วยชั้นหินเพียงแผ่นเดียวอีกด้วย  

     สิ่งที่จะสามารถมองเห็นได้ต่อออกมาจากเปลือกชั้นนอกก็คือเปลือกชั้นบรรยากาศซึ่งบริเวณนี้จึงมีแรงโน้มถ่วงอ่อนๆเนื่องจากว่าดาวพุธนั้นมีแรงโน้มถ่วงที่บนพื้นผิวดังนั้นจะเห็นได้ว่าบริเวณนี้ของดาวพุธจะถูกรังสีซึ่งส่งมาจากดวงอาทิตย์ทำการแผดเผาดังนั้นบริเวณนี้จึงจะประกอบไปด้วยแก๊สเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและเป็นลักษณะของชั้นบรรยากาศที่มีความเบาบางเป็นอย่างมาก

          ยังไงก็ตามด้านนอกสุดนั้นเราสามารถมองเห็นหลุมบนพื้นผิวได้เนื่องจาก  สล็อต ufabet เว็บตรง   ว่าดาวพุธมีขนาดที่ไม่ได้ใหญ่มากนักหากเทียบกับโรคหรืออาจจะกล่าวได้ว่าดาวพุธนั้นเป็นดาวที่มีขนาดที่เล็กมากๆดังนั้นแรงโน้มถ่วงจึงไม่มีมากพอที่จะสามารถสร้าง ชั้นบรรยากาศที่มีความหนาแน่นมากได้และนั้นชั้นบรรยากาศตรงบริเวณนี้จึงไม่สามารถที่จะมาปกป้องพื้นผิวของดาวพุธได้

ส่งผลทำให้ถ้าหากมีอุกกาบาตผ่านมาก็อาจจะมีอุกกาบาตพุ่งชนดาวพุธจึงเกิดเป็นหลุมได้นั่นเองอย่างไรก็ตามเมื่อเราไปสังเกตให้ดีบริเวณโซนนี้ของดาวพุธนั้นจะเห็นได้ว่ามีหลุมมีบ่อเยอะแยะมากมายเพราะดาวพุธนั้นมักจะถูกอุกกาบาตชนตลอดระยะเวลาหลายล้านปีที่ผ่านมา

ซึ่งเราสามารถสังเกตเห็นได้ว่าบริเวณหลุมอุกาบาตนั้นโดยรอบจะมีลักษณะของรอยต่างๆทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่เพราะแต่ละครั้งที่อุบาทว์ชนนั้นจะมีลักษณะการชนที่แตกต่างกันออกไป นั้นเอง 

ลักษณะของ ดาวพุธ

admin No Comments

        ลักษณะของ ดาวพุธ สำหรับใครที่ชื่นชอบอวกาศและชื่นชอบเกี่ยวกับเรื่องของดวงดาวจะว่าอาจจะเคยศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของดวงดาวมาบ้างแล้วซึ่งในบทความนี้เราจะมีการพูดถึงในลักษณะของดาวพุธซึ่งเป็นดาวดวงหนึ่งที่อยู่ในระบบสุริยะจักรวาลของเรา

ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแต่ก็มีนักวิทยาศาสตร์คิดค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับดาวพุธมาให้เราได้ทำความเข้าใจกัน

    สำหรับข้อมูลเบื้องต้นที่เรารู้จักเกี่ยวกับดาวพุธนั่นก็คือดาวดวงนี้เป็นลักษณะของดาวที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักหรืออาจจะกล่าวได้ว่าเป็นดาวที่มีขนาดเล็กที่สุดนอกจากนี้ยังเป็นดาวที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดอีกด้วยดาวพุธนะถือว่าเป็นดาวเคราะห์ที่มีลักษณะคล้ายกับก้อนเหล็กกลมขนาดใหญ่ๆที่ของชั้นหิน

        จากการศึกษาและค้นคว้าของนักวิทยาศาสตร์ได้มีการวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องของการโคจรของดาวพุธซึ่งจะมีการโคจรรอบดวงอาทิตย์โดยมีการระบุว่าเนื่องจากว่าดาวพุธนั้นมีขนาดเล็กและใกล้กับดวงอาทิตย์มากที่สุดดังนั้นลักษณะของการโคจรของมันจึงเป็นการโคจรที่ค่อนข้างเร็วโดยมีการวัดระยะเวลาในการโคจรของดาวพุธรอบดวงอาทิตย์มาดาวพุธนั้นใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 88 วันเท่านั้นก็สามารถที่จะวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ได้ครบ 1 รอบแล้วซึ่งถ้าหากเปรียบกับอัตราความเร็วนั้นก็จะเทียบเท่ากับหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นสามพันกิโลเมตรต่อชั่วโมงนั่นเอง 

         อย่างไรก็ตามถ้าหากเราไปตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องของดาวเคราะห์ดวงอื่นๆไม่ว่าจะเป็นดาวยูเรนัสหรือดาวเนปจูนหรือดาวดวงอื่นๆอีกเยอะแยะมากมายที่ต้องหมุนรอบดวงอาทิตย์นั้นอาจกล่าวได้ว่าดาวพุธนั้นหมุนรอบดวงอาทิตย์เร็วที่สุดมากกว่าดาวเคราะห์ดวงอื่นๆเลยก็ว่าได้ซึ่งการที่ดาวพุธนั้นอยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์มากที่สุดนั่นเองส่งผลทำให้ดาวพุธนั้นมักจะได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์มาแผดเผาซึ่งเราสามารถสังเกตเห็นได้ว่าบนดาวพุธนั้นจะเต็มไปด้วยหินและฝุ่นเป็นจำนวนมากนอกจากนี้เรายังสามารถเปรียบเทียบลักษณะพื้นผิวของดาวพุธได้ว่ามีลักษณะพื้นผิวไม่แตกต่างจากพื้นผิวของดวงจันทร์นั่นเอง

         สำหรับอุณหภูมิบนดาวพุธนั้นจากการที่นักวิทยาศาสตร์ได้มีการไปสำรวจพบว่าช่วงระยะเวลากลางวันกับกลางคืนบนดาวพุธน้ำแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงโดยถ้าหากว่าคุณไปอยู่บนดาวพุธในช่วงเวลากลางวันคุณจะเห็นได้ว่าในช่วงเวลากลางวันนั้นอุณหภูมิบนดาวพุธสูงมากๆเลยทีเดียว

แต่ในทางกลับกันถ้าหากว่าคุณจะอยู่ดาวพุธในช่วงเวลากลางคืนนั้นคุณจะเห็นได้ว่าในช่วงกลางคืนนั้นอากาศก็เย็นมากเช่นเดียวกันดังนั้นเราสามารถกล่าวได้ว่าบนดาวพุธนั้นไม่สามารถมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่รอดได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์เราไปอาศัยอยู่บนดาวพุธไม่ได้อย่างแน่นอนเนื่องจากว่าอุณหภูมิในช่วงเวลากลางวันและกลางคืนนั้นแตกต่างกันมากจนเกินไปนั่นเอง 

 

สนับสนุนเนื้อหาจาก    ทางเข้า Ufabet มือถือ

ดาวเคราะห์ที่มีสภาพที่ใกล้เคียงกับโลกมากที่สุด

admin No Comments

        ดาวเคราะห์ที่มีสภาพที่ใกล้เคียง สำหรับในระบบสุริยะจักรวานของเรานั้น นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่ามีดาวเคราะห์อยู่เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด   ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้มีการลองสำรวจว่าดาวเคราะห์ดวงไหนที่มีความเหมือนหรือมีความใกล้เคียงกับโลกบ้าง โดยในขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ได้มีการค้นหาจนเจอกับดาวเคราะห์ที่มีจำนวนมากกว่า 4500 ดาวงแล้วในระบบสุริยะจักรวานนี้ 

         อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะมีการค้นพบดาวเคราะห์เยอะแยะมากมาย แต่ไม่ใช่ว่าดาวเคราะห์ทุกดวงจะทำให้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้

ซึ่งผลจากการสำรวจของนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าในตอนนี้ที่ค้นพบดาวเคราะห์ประมาณ สี่พันห้าร้อยดวงนั้นมีแค่ประมาณ ยี่สิบสี่ดวงเท่านั้นที่มีสภาพใกล้เคียงกับโลกพอที่จะให้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ ซึ่งในบทความนี้เราจะมายกตัวอย่างดาวเคราะห์บางดวงให้ทราบกัน สำหรับในบทความนี้ จะยกตัวอย่างเช่น ดาวทีการ์เด้นบี   ดาวแคปเลอร์-1639 บี และดาว แอลเอชเอส 1140 บี เป็นต้น          

   ทีการ์เด้น B  เป็นดาวเคราะห์นอกระบบที่โคจรรอบดาวเคราะห์แดงซึ่งห่างจากระบบสุริยะประมาณ 12 ปีแสงโดยปกติแล้วดาวเคราะห์แดงจะสามารถปล่อยแสงปะทุที่สามารถพัทยาชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์ในวงโคจรของมันออกไปได้

จะได้หลักดวงนี้ค่อนข้างสงบและเยือกเย็นที่ Garden b มีมวลเกือบเท่ากับโลกมันเดินทางรอบวงโคจรได้สมบูรณ์ในเวลาแค่ประมาณ 5 วันใช้คุณเข้าใจถูกแล้ว 1 ปี บนทีการ์เด้น B ใช้เวลาน้อยกว่า 1 สัปดาห์บนโลกซะอีก

  •  แคปเลอร์ -1638 บี  ดาวเคราะห์ที่มีต่อสิ่งมีชีวิตที่ใกล้ที่สุด

คือ แคปเลอร์ -1638  บี  มันอยู่ในกลุ่มดาวหงส์ซึ่งอยู่ห่างจากเราไปเกือบ 30 ปีแสงเมื่ออยู่ในชั้น Super ซึ่งมีขนาดกว้างกว่าโลกของเรา 2 เท่าและมีน้ำหนักมากกว่าโลกของเราสี่เท่าอย่างนั้นแรงโน้มถ่วงของมันจะมีความแข็งแกร่งมากถึงแม้แต่การกระโดดธรรมดาธรรมดาก็จะกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก  ufabet เว็บตรง   สำหรับคุณรหัสดาวเคราะห์นี้มีสิ่งมีชีวิตอยู่จริงๆมันจะเคยชินกับสภาพแวดล้อมแบบนี้ 

  •        แอลเอชเอส 1140 บี  ดาวเคราะห์ดวงนี้มีหินและของแข็งประกอบ

อยู่เป็นจำนวนมาก และขนาดของมันจะใหญ่กว่าโลกเพียง 40 เปอร์เซ็นต์แต่เมื่อกลับมีมวลหนักมากกว่าโลกถึง 7 เท่าและมีแรงดึงดูด 3.2 5g  ซึ่งเทียบได้ด้วย ถ้าหากคุณขึ้นเครื่องบินตัวของคุณจะมีน้ำหนักเกินไป 1.5 G  ดังนั้นบนดาวเคราะห์นี้คุณ จึงแทบจะยืนทรงตัวไม่อยู่  ด้วยความที่มันมีมวลมากดาวเคราะห์ดวงนี้จะมีบรรยากาศที่หนาขึ้น 

ปรากฏการณ์เรือนกระจกอุณหภูมิชองมันอาจมีสูงกว่าลบ 7 องศาเซลเซียส   แล้วมันสามารถหมุนรอบวงโคจรได้ในเวลาอันสั้นโดยใช้เวลาเพียงแค่ 24 วันเท่านั้น

การสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ 

admin No Comments

       การสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์   เมื่อพูดถึงไดโนเสาร์หลายคนคงชื่นชอบมันเป็นอย่างมากเพราะมันเป็นสัตว์ในตำนานที่มีความยิ่งใหญ่อลังการจะเห็นได้จากปัจจุบันนั้นคนมีการนำเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องของไดโนเสาร์ซึ่งเป็นสัตว์ในยุคดึกดำบรรพ์มาสร้างเป็นภาพยนตร์และละครต่างๆมากมาย

ให้ผู้คนได้ชมและได้รับรู้กันว่าในสมัยโบราณเมื่อหลายล้านปีมาแล้วนั้นโลกเราเคยมีสัตว์ที่ชื่อว่าไดโนเสาร์ภาคมีหลายสายพันธุ์

แต่มันก็เป็นเพียงแค่อดีตและปัจจุบันนั้นไดโนเสาร์ไม่มีจริงมีเพียงแค่ซากฟอสซิลที่เราสามารถพบเจอเพียงเท่านั้นซึ่งจะเห็นได้จากว่าทุกคนให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องของไดโนเสาร์เป็นอย่างมากเพราะมีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับไดโนเสาร์เยอะแยะมากมายเต็มไปหมดในทั่วโลกที่เราสามารถเดินทางไปเยี่ยมชมได้แล้วมีการนำกระดูกไดโนเสาร์ซากฟอสซิลของไดโนเสาร์มาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวนั้นเยอะแยะมากมาย 

          อะไรก็ตามจากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ซึ่งตรวจสอบจากซากฟอสซิลที่ขุดเจอพบว่าไดโนเสาร์เคยมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ก่อนที่มนุษย์และมันก็ได้สูญพันธุ์ไปก่อนที่มันจะเกิดขึ้นซึ่งการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์นั้นนักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่ามันสูญพันธุ์มาแล้วมากกว่า 65 ล้านปี

อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ได้มีการสงสัยและต้องการหาความรู้ว่าการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ครั้งใหญ่น้อยลงมีต้นเหตุหรือสาเหตุมาจากอะไร ซึ่งในยุคที่ไดโนเสาร์ยังคงมีอยู่มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ที่ทำให้ไดโนเสาร์ซึ่งเป็นสัตว์ยักษ์ใหญ่ต้องกลายเป็นสัตว์สูญพันธุ์หรือเป็นเพียงแค่ตำนาน 

        ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของนักวิทยาศาสตร์นี่เองที่ทำให้เกิดทฤษฎีต่างๆขึ้นมามากมาย

เพื่อนำมาใช้เป็นคำอธิบายในการตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องของการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ซึ่งทฤษฎีต่างๆนั้นมีเพียงแค่ 2 ทฤษฎีใหญ่ๆที่มีความน่าจะเป็นไปได้มากที่สุดนั่นก็คือ  นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์นั้นเกิดขึ้นมาจากการที่อาจจะมีอุกกาบาตหรือไม่ดาวหางดวงใหญ่ๆพุ่งมาชนโลก

หรืออาจจะเกิดจากการที่บนโลกใบนี้มีภูเขาไฟเกิดขึ้นและภูเขาไฟก็มีการเกิดการปะทุครั้งใหญ่ส่งผลทำให้เราอาศัยและทำให้ไดโนเสาร์นั้นถูกไฟจากลาวาคลอกตาย

         นอกจากนี้ถ้าหากว่าเรานึกว่ามีๆกรณีที่อุบาทว์ผู้ชมโลกหรือแม้แต่ภูเขาไฟระเบิดเหตุการณ์เหล่านี้จะส่งผลทำให้โลกใบนี้มีฝุ่นเต็มไปหมดแล้วด้วยตัวเองที่มันกระจายไปทั่วทำให้บดบังแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมายังโลกส่งผลทำให้สิ่งมีชีวิตภายในโลกใบนี้นั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างเช่นต้นไม้ก็อาจจะตาย

เพราะว่าไม่มีแสงแดดมาสังเคราะห์รวมถึงสัตว์ต่างๆก็อาจจะตายและสูญพันธุ์ได้ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าทฤษฎีนี้จะมีความเป็นไปได้ค่อนข้างจะร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็ไม่สามารถที่จะฟันธงได้เพราะไม่มีหลักฐานที่จะสามารถยืนยันทฤษฎีต่างๆที่นักวิทยาศาสตร์ได้ลองคิดขึ้นมาจึงทำให้ปัจจุบันนี้เรายังไม่สามารถรู้สาเหตุของการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ได้อย่างแท้จริงนั่นเอง

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    gclub ฝาก-ถอน