ในเรื่องราวของวิทยาศาสตร์ที่หลายๆคนต่างก็มีความเชื่อว่า มันคือสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้จริง มีหลักฐาน มีข้อมูล เวลาเราต้องการจะพิสูจน์อะไรสักอย่างว่าสิ่งนั้นมีจริงหรือไม่จริงนั้น ก็ต้องค้นหาคำตอบในทางวิทยาศาสตร์กันทั้งนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว วิทยาศาสตร์เองก็ไม่ได้ถูกยืนยันในแต่ละเรื่องยังชัดเจน หลายครั้งที่วิทยาศาสตร์เองก็ยังเป็นเพียงแค่ทฤษฎี

เพราะยังคงเป็นปริศนามาช้านาน ถึงแม้ทฤษฎีนั้นจะมีแนวคิดที่สามารถอธิบายได้ แต่ก็ไม่ได้ความว่ามันจะเกิดขึ้นหรือเป็นจริงอย่างที่ทฤษฎีว่าไว้ เนื่องจากไม่ได้มีการทดลองจริง ส่วนหนึ่งเพราะมันมีความเป็นไปได้ยากตามแนวความคิดของทฤษฎีนั้นด้วย ซึ่งในบทความนี้เราก็จะนำปริศนาอีก 1 อย่าง ที่ถึงแม้จะมีแนวความคิดที่ทั่วโลกยอมรับ และมีอยู่ในตำราเรียนแล้วก็ตาม แต่ในปัจจุบันก็ยังถือว่าไม่มีความแน่นอน เพราะก็ยังเป็นเรื่องน่าสงสัยสำหรับนักวิทยาศาสตร์อย่างเคย นั้นก็คือ ใจกลางของโลก ความจริงแล้วมันมีอะไรอยู่กันแน่ ไม่ใช่แค่นักวิทยาศาสตร์ปัจจุบันเท่านั้นที่เกิดความสงสัย

แต่ปริศนานี้ถูกสงสัยมาเป็นเวลานานแล้ว ถึงแม้จะทฤษฎีออกมายืนยันแล้วก็ตาม เมื่อในปีค.ศ.1940 ได้มีนักวิทยาศาสตร์ทำการคำนวณความสมดุลของแร่ธาตุต่างๆที่อยู่บนโลกทั้งหมด ปรากฏว่าแร่ธาตุเหล็กและนิเกิลที่อยู่บนพื้นดินควรจะมีมากกลับน้อยลง จึงได้ทำการสันนิฐานจากการคำนวณนี้ว่า แร่ธาตุทั้ง 2 อย่างนั้นเป็นส่วนประกอบหลักของใจกลางโลก แต่เมื่อถึงปีค.ศ.1950

ได้มีข้อขัดแย้งขึ้นจากทฤษฎีแรงโน้มถ่วงว่า ธาตุเหล็กและนิเกิลนั้นความเบาจนเกินไป ไม่สามารถเป็นใจกลางของโลกได้ ซึ่งในทุกนี้เองมันก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่จนหลายๆคนต่างก็บอกว่า ทำไมไม่ขุดลงไปดูให้รู้แล้วไปเลย วิธีการขุดนั้นนักวิทยาศาสตร์ก็ทำแล้ว แต่ได้มีผลสรุปออกมาว่า ยิ่งเราขุดลงไปใต้พื้นดินลึกมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งพบอุณหภูมิและความดันที่สูง

เป็นเช่นนี้การปฏิบัติการการขุดจึงเป็นเรื่องยาก ซึ่งจากการที่ได้ขุดมานั้นขุดได้ลึกสุดเพียงแค่ 12 กิโลเมตรเท่านั้น จากการคำนวณว่ารัศมีของโลกอยู่ที่ประมาณ 6,400 กิโลเมตร ยังถือว่าห่างไกลมาก นักวิทยาศาสตร์ก็มีการเปรียบเทียบให้เห็นภาพว่า ถ้าโลก คือ ผลแอปเปิ้ล การขุดครั้งนี้ยังไม่พ้นเปลือกแอปเปิ้ลเลยก็ว่าได้ โดยรวมแล้วปริศนาว่าใจกลางของโลกนั้นมีอะไรกันแน่ยังคงเป็นปริศนามาโดยตลอด หากจะนำแนวคิดนั้นมาอ้างก็มักจะมีทฤษฎีอื่นๆมาหักความเป็นไปได้เช่นเคย หากว่าอนาคตที่วิทยาการทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ก้าวหน้ามากขึ้น มนุษย์เราและนักวิทยาศาสตร์เองก็จะสามารถไขปริศนานี้ได้อย่างแน่นอน

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  ดู E-SPORT

Comments are closed.