ภูเขาใต้แอนตาร์กติกา เมื่อพูดถึงแอนตาร์กติกาเชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูกันมากนักนอกจากคนที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของแผนที่ภูมิศาสตร์
ถึงจะสามารถรู้ได้ว่าแอนตาร์กติกาในก็คือทวีป ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายทวีปที่มีอยู่ทั่วโลกอยู่ในตอนนี้สำหรับทวีปอเมริกาเหนือเป็นทวีปที่ห่างไกลจากผู้คนห่างไกลจากความสนใจทำให้เราไม่ค่อยรู้จักกันมากนักเพราะคนส่วนใหญ่มักจะรู้จักกับทวีปเอเชียและทวีปแอฟริการวมถึงทวีปอเมริกาเป็นต้น
ยังไงก็ตามสำหรับหลายคนที่มีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องทวีปแผนภูมิประเทศต่างๆรวมถึงนักวิทยาศาสตร์นั้นต่างก็มีการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของแอนตาร์กติกากันซึ่งหลายคนที่เคยศึกษาหาข้อมูลก็มีความเชื่อต่างๆกันออกไป
โดยความเชื่อส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าภายใต้พื้นน้ำแข็งในเขตแอนตาร์กติกานั้นมีความลับ ซ่อนอยู่ บางคนเชื่อว่าเนื่องจากว่าแอนตาร์กติกาน้ำเป็นพื้นที่ห่างไกลที่คนไม่ค่อยนิยมเดินทางไปกันจึงทำให้ที่นี่นั้นอาจจะกลายเป็นฐานลับของมนุษย์ต่างดาว
ซึ่งอยู่ภายใต้น้ำแข็งของทวีปแอนตาร์กติกาก็เป็นไปได้ รวมถึงนักวิทยาศาสตร์บางคนก็มีแนวความคิดว่าภายใต้พื้นน้ำแข็งของแอนตาร์กติกานั้นจะเป็นพื้นที่กลวงสามารถเดินทางทะลุไปยังแก่นกลางของโลกก็เป็นไปได้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่พูดมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงแค่ทฤษฎีสมคบคิดเท่านั้นแต่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถรู้ได้ว่าภายใต้ แอนตาร์กติกาภายใต้น้ำแข็งมีอะไรซ่อนอยู่ซึ่งยังคงปริศนาให้กับนักวิทยาศาสตร์ได้สนใจที่จะเข้าไปศึกษาหาความรู้ แล้วก็ตามนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าภายใต้เทือกเขาอันกว้างใหญ่
ซึ่งมีน้ำแข็งปกคลุมอยู่นั้น น่าจะมีเทือกเขาซุกซ่อนอยู่ซึ่งพวกเขาที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าอยู่ใต้พื้นน้ำแข็งของแอนตาร์กติกา นั้นมีชื่อเรียกว่า Gamburtsev Mountain โดยเชื่อว่าเทือกเขานี้น่าจะมีความสูงอยู่ที่ประมาณ 3 กิโลเมตรนอกจากนี้ยังมีความกว้างถึง 1,200 กิโลเมตรเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามด้วยความสนใจของนักวิทยาศาสตร์จึงได้มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มีการส่องเข้าไปภายใต้พื้นผิวน้ำแข็ง ทางเข้า Ufabet มือถือ เพื่อดูถูกเขาดังกล่าวซึ่งนักวิทยาศาสตร์เองก็ยังคงสงสัยว่าชั่วคราวนี้มันก่อก่อตัวขึ้นมาได้อย่างไรและมันทำยังไงมันถึงจะสามารถดึงคงสภาพเดิมเอาไว้ได้
เพราะอันที่จริงแล้วเทือกเขาดังกล่าวนั้นน่าจะถูกกัดเซาะไปตามกาลเวลาเนื่องจากว่ามีน้ำแข็งปกคลุมอยู่และนอกจากนี้ เทือกเขาที่อยู่ภายใต้พื้นน้ำแข็งแอนตาร์กติกาก็ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างไป เพราะน่าจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงจากทางธรณีวิทยาเช่นการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกนั่นเอง
อย่างไรก็ตามนอกจากเทือกเขานี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาเป็นระยะเวลานานหลายพันปีแล้วเรื่องพื้นที่ดังกล่าวนี้ยังมีความผันผวนของแรงโน้มถ่วงอีกด้วย
จึงทำให้นักวิทยาศาสตร์ต่างก็พากันสงสัยเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์มองว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขายังคงสภาพเอาไว้ได้ก็เพราะว่าเธอเขานี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ในยุคที่ยังไม่มีน้ำแข็งปกคลุมและมันถูกน้ำแข็งปกคลุมในภายหลังซึ่งน้ำแข็งเป็นตัวที่ควบคุมไม่ให้รูปแบบของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลานั้นเอง