รู้หรือไม่มหาสมุทรแอตแลนติก ถึงแม้ว่าจะเป็นน้ำแต่มันก็มีความแตกต่างกันมหาสมุทรแอตแลนติกกับมหาสมุทรแปซิฟิกมีความหนาแน่นและลักษณะทางเคมีที่แตกต่างกันเช่นระดับความเค็มและคุณภาพอื่นๆ
จะเห็นได้ชัดว่าฝั่งนึงมีสีที่แตกต่างอย่างชัดเจนและเขตแดนที่กั้นระหว่างสองมหาสมุทรออกจากการด้วยลักษณะทางกายภาพและชีวภาพที่ต่างกันเรียกว่า โอนเชียน ไคลน์
แฮโล ไคลน์ คือพรมแดนระหว่างน้ำที่ระดับความเค็มต่างกัน มันเป็นสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดและนี่คือสิ่งที่ทำให้เรามองเห็นจุดบรรจบกันระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกกับมหาสมุทรแปซิฟิก นักสำรวจชื่อดัง ฌาคส์ กุสโต ค้นพบสิ่งนี้ในขณะที่เขากำลังดำน้ำลึกอยู่ในช่องแคบยิบรอลต้า ชั้นของน้ำที่มีความเค็มต่างกันจึงจะถูกแบ่งด้วยฟิล์มใสและแต่ละชั้นก็มีพืชและสัตว์อาศัยอยู่เป็นของตัวเอง
แฮโล ไคลน์ เกิดขึ้นเมื่อน้ำในมหาสมุทร โดยทะเลมีความเข้มอย่างน้อยมากกว่า 5 เท่าของน้ำในอีกด้านนึง คุณสามารถทดลองสร้าง แฮโล ไคลน์ ได้ที่บ้านโดยการเทน้ำทะเลหรือน้ำเกลือผสมสีลงในแก้วจากนั้นเติมน้ำจืดตามลงไปแต่ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ แฮโล ไคลน์ ของคุณจะเกิดขึ้นในแนวนอน แต่ในมหาสมุทรมันเกิดขึ้นในแนวตั้ง
ถ้าหากจำหลักฟิสิกส์พื้นฐานได้คุณอาจจะเถียงว่าของเหลวที่มีความหนาแน่นมากกว่าจะอยู่ใต้ของเหลวที่มีความหนาแน่นน้อยกว่า หากนั้นเป็นความจริงเหตุการณ์ระหว่างมหาสมุทรทั้งสองไม่น่าจะมีลักษณะเป็นแนวตั้งเป็นแนวนอนและความแตกต่างระหว่างความเค็มของพวกมันยิ่งน้อยลงเท่าไหร่มันก็จะไหลมารวมกันมากเท่านั้น แล้วทำไมมันถึงได้เป็นแบบนั้น
ประการแรกความแตกต่างของความหนาแน่นของน้ำในมหาสมุทรทั้งสองนั้นไม่ได้ชัดเจนจนทำให้ฝ่ายนึงจมอยู่ข้างใต้และ ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรออยู่ข้างบนแต่ก็ยังไม่ถึงกับทำให้พวกมันผสมรวมกัน ส่วนประการที่สองคือแรงเฉื่อย หนึ่งได้รับเฉื่อยที่รู้จักกันในชื่อแรงคอริออลิสคือแรงที่มีอิทธิพลต่อวัตถุ
เมื่อพวกมันเคลื่อนที่ในระบบของแกนกลางซึ่งในทางกลับกันเองก็เคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน พูดง่ายๆก็คือโลกของเรากำลังหมุนเพราะว่าทุกอย่างบนโลกก็จะถูกแรงโคริโอลิสเบี่ยงเบนไปจากทิศทางของมัน ผลที่ตามมาคือวัตถุบนพื้นผิวโลกจะไม่ได้เคลื่อนที่ตรงไปข้างหน้า
ในซีกโลกเหนือมันจะถูกเปลี่ยนเป็นไปในทิศทางตามเข็มนาฬิกาและทวนเข็มนาฬิกาในซีกโลกใต้ แต่โลกกำลังเคลื่อนไหวอย่างช้าๆมันใช้เวลาทั้งวันในการหมุนรอบแกนตัวเองนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผลกระทบจาก คอริออลิส เราจะสามารถเห็นได้ชัดในช่วงเวลาที่ยาวนานเท่านั้นเช่นเมื่อมีพายุไซโคลนหรือทางมหาสมุทรนี่เป็นเหตุให้ทิศทางของการไหลของมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรแปซิฟิกและแตกต่างกันดังนั้นมันจึงไม่ไหลมารวมกัน
สนับสนุนเนื้อหาโดย ufabet