เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของแบคโฮยักษ์หรือหลุมดำกันมาบ้างแล้ว โดยถ้าใครที่เคยมีการศึกษาเกี่ยวกับดาราศาสตร์หรือเรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์จะต้องเคยได้ยินชื่อของแบคโฮยักษ์หรือหลุมดำ เนื่องจากว่ามีการพูดถึงกันเป็นอย่างมากในกลุ่มนักดาราศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์
เพราะมีการศึกษาข้อมูลกันมานานหลายปีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมานั้นนักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์นั้นได้พยายามที่จะค้นพบและสำรวจเกี่ยวกับเรื่องของดวงดาวเป็นอย่างมาก
ซึ่งเมื่อช่วงประมาณปี ค.ศ. 1993 ปรากฏว่าได้มีนักดาราศาสตร์ได้ทำการค้นพบแหล่งกำเนิดคลื่นวิทยุปริศนา
จากบริเวณใจกลางกาแล็กซีทางช้างเผือก โดยมีการระบุว่าตำแหน่งดังกล่าวนั้นอยู่ใกล้กับตำแหน่งของกลุ่มดาวคนยิงธนู หรือซาจิทาเรียส โดยนักดาราศาสตร์ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า ดาวฤกษ์และแก๊สร้อนที่โคจรรอบแบ่งกำเนิดคลื่นวิทยุปริศนานี้มีความเร็วที่สูงมากมาก จนทำให้เป็นที่มาของการตั้งสมมติฐานที่ว่าวัตถุดังกล่าวนี้จะต้องมีแรงโน้มถ่วงมหาศาล
ซึ่งสมมติฐานนี้ก็ไปตรงและสอดคล้องกับคุณสมบัติของหลุมดำมวลยวด และ ufabet เว็บหลัก ด้วยความพยายามและความร่วมมือของนักวิจัยมากกว่า 300 คนจาก 80 สถาบันทั่วโลก ที่รวมกันเป็นเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์วิทยุ Event Horizon telescope หรือ EST
ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ได้ทำงานกันอย่างหนักเป็นระยะเวลานานถึง 5 ปีโดยรวมข้อมูลจากหอดูดาว 8 แห่งทั่วโลก จึงทำให้โลกกลายเป็นกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่เพียงตัวเดียวมองเข้าไปในใจกลางของกาแล็กซีโดยตรงและใช้ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ในการวิเคราะห์ข้อมูล
อย่างไรก็ตามในวันนี้พวกเขาได้เปิดเผยภาพเงาดำของหลุมดำนี้เป็นครั้งแรกภายในงั้นแสดงภาพวงแหวนรอบด้านที่ล้อมอยู่รอบโลกแห่งความมืดมันมีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ถึง 4 ล้านเท่า อีกทั้งยังมีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวประมาณ 17 เท่าของดวงอาทิตย์
กลืนกินวัตถุที่อยู่ใกล้เคียงอย่างบ้าคลั่งห้อมล้อมด้วยการเรืองแสงของสถานที่กลิ้งไปมาซึ่งปกติแล้วจะถูกบดบังด้วยก๊าซ ฝุ่น และดวงดาวที่โคจรอยู่รอบๆและยิงไอพ่นของรังสีทรงพลังที่มองเห็นได้จากระยะไกลหลายล้านปีแสง
อย่างไรก็ตามเราไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นกังวลใจว่ามันจะทำอันตรายกับโลกของเราเพราะว่ามันอยู่ห่างจากโลกของเราออกไปถึง สองแสนห้าหมื่นล้าน ล้านกิโลเมตรเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ามนุษย์เราจะพยายามศึกษาและค้นคว้าเกี่ยวกับข้อมูลเชิงลึกให้มากที่สุดเกี่ยวกับแบคโฮยักษ์แต่เราก็ไม่สามารถที่จะศึกษาข้อมูลได้โดยละเอียดเพราะเราไม่สามารถที่จะเดินทางเข้าไปสำรวจด้านในที่อยู่ตรงกลางได้ว่าภายในนั้นมีลักษณะเป็นแบบไหนซึ่งทำได้ดีที่สุดก็คือการวิเคราะห์ความน่าจะเป็นไปได้เท่านั้นเอง