3
มี.ค.
2020
คุณเคยเห็นภาพทับซ้อนหรือไม่? อาจจะฟังดูงงๆ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเราลองมาขยายความให้ฟังกันดีกว่า คุณเคยเห็นเหตุการณ์ซ้ำๆกันเกิดขึ้นกับตัวคุณเองหรือไม่ มันอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่คุณได้ทำด้วยตัวของคุณเองเลย หรือ จะเป็นเพียงแค่เหตุการณ์ที่เปรียบเสมือนว่าคุณได้เห็นมันมาก่อนหน้านี้แล้วในฐานะที่คุณเป็นผู้รับชม คุณเคยแปลกใจกับตัวเองหรือไม่ว่ามันคืออะไร สิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้น ที่มันวิ่งเข้าในโสตประสาทของคุณให้รับรู้นี้มันคืออะไร เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วมันกลายเป็น เรื่องจริง ที่เป็นภาพเสมือนว่าคุณนั้นได้ทำมาก่อนหน้านี้แล้ว
เมื่อเหตุการณ์มันถูกฉายซ้ำตอนคุณได้ทำลงไปในขณะนั้น
แล้วภาพพวกนั้นมันมาจากไหน ความฝัน หรือเปล่านะ ไม่นะ ความฝันส่วนใหญ่จะไม่ได้เป็นเหตุการณ์จริงที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า เพราะตามทฤษฎีแล้วนั้นอธิบายได้ว่า ภาพในความฝันในขณะที่เรากำลังนอนนั้นเป็นเพียงความคิดที่อยู่ในจิตใต้สำนึกอันก้นบึ้งที่ฝั่งมันเอาไว้ในใจ หากให้พยายามนึกจิตใจสำนึกเหล่านี้จะมักจะนึกไม่ออก มันเลยผุดออกมาในรูปแบบของภาพในความฝัน แต่ก็แปลกเช่นกันที่บางทีเราก็สามารถจดจำความฝันของตัวเองได้ จึงเป็นสับสนที่ว่าภาพที่ทับซ้อนขึ้นมากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในความจริงแล้วนั้นมันมาจากความฝันใช่หรือไม่
หลายคนก็ได้แย้งว่ามันไม่ใช่ความ แต่มันคือ เดจาวู ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เราทำไปแล้วและเกิดขึ้นจริง อ่านประโยคนี้อาจจะต้องพิจารณากันอีกรอบนะว่า เราจะทำเหตุการณ์นั้นมาก่อนหน้าที่เราจะทำในเหตุการณ์จริงที่ผ่านมาอย่างไรกัน มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะทำสิ่งเหล่านั้นมาก่อน ทฤษฎีเดจาวู อธิบายถึงมิติที่3 และมิติอื่นๆอีกมากมาย
ซึ่งนั้นหมายความเรามีโลกคู่ขนาด โลกคู่ขนานก็คือโลกอีกใบที่เราอีกคนอาศัยอยู่ในนั้น โลกคู่ขนานจะเป็นโลกทางเลือกที่ตรงข้ามกับเราโดยสิ้นเชิง สมมติว่า คุณกำลังจะเลือกซื้อตุ๊กตาระหว่างสีฟ้าและสีชมพู ตัวคุณโลกนี้ได้เลือกสีฟ้า แต่คุณที่อยู่ในโลกคู่ขนานจะเลือกสีชมพู แต่ถ้าหากคุณมีตัวเลือกมากกว่า 2 ตัวเลือก นั้นจะเท่ากับว่าคุณจะสามารถสร้างโลกคู่ขนานขึ้นมาได้มากกว่าหนึ่งโลก แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเหตุการณ์เดจาวูล่ะ เพราะโลกคู่ขนานถึงแม้ว่าตัวเลือกจะแตกต่างกัน แต่สถานการณ์นั้นจะไม่แตกต่างกัน ซึ่งแปลว่าในโลกขนานของคุณสักโลกนั้น
คุณในโลกขนานอาจจะได้เหตุการณ์นั้นไปก่อนหน้าคุณไปแล้ว จึงทำให้คุณรู้สึกว่าเมื่อทำเหตุการณ์นั้นซ้ำจะมีภาพทับซ้อนเข้ามา นั้นแหละเป็นสิ่งที่ตัวคุณในโลกคู่ขนานได้ทำไปก่อนแล้ว เพราะเป็นเหตุการณ์เดียวกันในบางครั้งจึงทำให้สามารถจูนเหตุการณ์กันได้ แต่ถึงอย่างไรแล้วเราก็ไม่สามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้อย่าง100% แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียหน่อย
18
ก.พ.
2020
การวิจัยที่เกี่ยวกับสุนัข
แน่นอนว่าหลายๆบ้านมักจะต้องมีสัตว์เลี้ยงเอาไว้อย่างน้อยก็หลังคาเรือนละ 1 ชนิดซึ่งส่วนมากแล้วเราก็จะพบว่าเป็นสุนัขที่คนส่วนใหญ่ในหลายๆบ้านเลือกที่จะนำมาเลี้ยงกัน เหตุผลหนึ่งก็อาจจะมาจากเอาไว้แก้เหงา เอาไว้เป็นตัวช่วยในการเฝ้าบ้าน เลี้ยงเพราะรักใคร่เอ็นดู ต่างๆนานาแตกต่างกันออกไป แต่ทราบหรือไม่ว่าสุนัขที่เราเลี้ยงอยู่นั้นก็มีสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับลักษณะทางกายภาพและอวัยวะในร่างกายของมันอีกด้วย
ลักษณะทางกายภาพที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้สำหรับสนุขนั่นก็คือการที่สุนัขบ้านที่หลายๆคนเลี้ยงดูในบ้านกันอยู่ในทุกวันนี้นั้นมีกล้ามเนื้อพิเศษอยู่ ซึ่งกล้ามเนื้อพิเศษนี้อยู่ตรงบริเวณใบหน้าของพวกมันนั่นเองจากผลงานการวิจัยค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวกับเรื่องนี้พบว่าสุนัขทั้งหลายที่เราเลี้ยงดูอยู่ทุกวันนี้นั้นมีการใช้งานในส่วนของกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณใบหน้าโดยที่พวกมันมักจะมีการเลิกคิ้วขึ้นเพื่อที่จะแสดงออกซึ่งอารมณ์ผ่านทางสีหน้าของพวกมันนั่นก็เพื่อให้ออกมาดูเป็นลูกสุนัขที่น่าเอ็นดู ใช้ในการออดอ้อนให้มนุษย์อย่างเราให้เข้าไปหลงใหลเอ็นดูในความน่ารัก
ซึ่งก็เป็นผลเสียด้วยการหลอกล่อครั้งนี้สำเร็จแล้วเพราะแน่นอนว่ามนุษย์อย่างเราๆนั้นก็มักจะใจอ่อนให้กับสัตว์เลี้ยงน่ารักขี้อ้อนอย่างนี้อยู่เสมอ แต่ในขณะเดียวกันทางฝั่งของนักวิจัยเองได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมนี้ของเหล่าสุนัขหลังจากทำการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วว่าพวกเขากลับไม่ได้พบพฤติกรรมที่มีการใช้กล้ามเนื้อในส่วนบริเวณใบหน้าในลักษณะดังกล่าวนี้กับพวกหมาป่าเลยซึ่งแน่นอนว่าหมาป่านั้นเป็นสัตว์บรรพบุรุษของสุนัขบ้านที่เราๆเลี้ยงกันอยู่ด้วย
และจากการที่ทางนักวิจัยนั้นได้ทำการศึกษาค้นคว้าและใช้ระยะเวลาในการสังเกตเกี่ยวกับเรื่องนี้เองนั้นก็ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับพฤติกรรมต่างๆเหล่านี้ออกมาจากข้อมูลที่ว่ามนุษย์นั้นได้มีวัฒนธรรมการเลี้ยงสุนัขเช่นนี้สืบทอดกันมาอย่างเนิ่นนานกว่าพันปีแล้ว แล้วก็เป็นดังผลการวิจัยที่ออกมาตรงกับการตั้งข้อสันนิษฐานว่ามนุษย์อย่างเราๆนั้น
จะมีความรู้สึกชื่นชอบและพึงพอใจมากๆในเวลาที่สุนัขนั้นมีพฤติกรรมการแสดงออกทางสีหน้าด้วยการทำหน้าเศร้าให้มนุษย์เห็น ซึ่งการที่สุนัขนั้นได้แสดงพฤติกรรมเช่นนี้ออกมาก็เพื่อที่จะได้ใช้เป็นตัวช่วยในการดึงดูดเอาความสนใจจากเรานั่นเอง ซึ่งทางนักวิจัยเองก็ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพฤติกรรมดังกล่าวของสุนัขว่าการที่พวกมันแสดงสีหน้าหรือมีการทำสีหน้าให้ดูเศร้านั้นสามารถที่จะช่วยให้เป็นการพัฒนาในส่วนของกล้ามเนื้อในบริเวณบนใบหน้าของพวกเขาได้ดีอีกด้วย
และทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลที่น่าสนใจมากๆที่ทางนักวิจัยได้ทำการสังเกตเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้น จึงทำให้พวกเราได้รู้ว่าการที่เรารู้สักเอ็นดูและหลงใหลทุกครั้งที่ได้เห็นพฤติกรรมของสุนัขนั้นไม่เพียงแต่เป็นการอุปะทานทางความรู้สึกจากมนุษย์อย่างเราเพียงฝ่ายเดียว แต่นั่นเป็นเพราะสุนัขเองก็แสดงออกทางพฤติกรรมนี้เพื่อดึงดูดความสนใจจากมนุษย์อย่างเราด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามสุนัขนั้นถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของผู้เลี้ยงดูของพวกมันมาก เราเองก็ควรที่จะไม่ลืมใส่ใจดูแลเขาให้ดีด้วยเช่นกัน
12
ก.พ.
2020
วิทยาศาสตร์ : เทคโนโลยีชีวภาพ เป็นอย่างไรนะ
ในโลกของเรานั้นต่างก็มีเทคโนโลยีดีๆที่เกิดขึ้นมาอย่างมากมายจากการคิดค้นเสาะหา และภูมิปัญญาของมนุษย์ที่มีความชาญฉลาดมากความสามารถ อีกทั้งยังมีความรอบรู้ในหลายๆแขนงของความรู้ ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆเลยทีเดียวเพราะการที่โลกของเรามีเทคโนโลยีต่างๆเหล่านี้ขึ้นมาก็เพื่อที่จะได้ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับทุกๆคนได้นั่นเอง
โดยในแต่ละเทคโนโลยีก็มักจะมีคุณประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไปอย่างที่เราจะมานำเสนอในวันนี้เองก็เป็นอีกหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีมานานและน่าสนใจมากๆอีกด้วยนั่นก็คือเทคโนโลยีชีวภาพนั่นเอง
หากจะกล่าวถึงเรื่องของเทคโนโลยีชีวภาพ
สำหรับความหมายของเทคโนโลยีชีวภาพนั่นก็คือการที่ทางผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์เองได้มีการประยุกต์ใช้ความรู้ต่างๆทางวิทยาศาสตร์เพื่อทำการศึกษากับเหล่าสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิต ซึ่งก็เพื่อที่จะให้เกิดเป็นการสร้างประโยชน์ให้กับโลก และมนุษย์ที่ต่างก็อาศัยอยู่บนโลกนี้ด้วยกันโดยหลักการทางเทคโนโลยีชีวภาพนี้สามารถที่จำนำไปใช้ได้ทั้งกับสายการผลิตและในทางของกระบวนการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกของเรานี้เลยก็ว่าได้
ทั้งนี้เองก็เพื่อให้เราทุกสามารถที่จะได้ใช้สอยประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้กันได้ตามที่ต้องการ แน่นอนว่าเทคโนโลยีชีวภาพนั้นสามารถเอื้อประโยชน์ได้มากกว่าที่หลายคนได้จินตนาการเอาไว้มากโดยจากเทคโนโลยีชีวภาพนี้เองมันสามารถที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆได้อย่างมากมายหลากหลายด้านด้วยกันหากจะยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือในด้านของการทำการทางเกษตร ด้านสายการอาหาร สิ่งแวดล้อมต่างๆรอบตัวเรา
หรือแม้กระทั่งในด้านของฝั่งทางการแพทย์เองก็ด้วยเช่นกัน จะเห็นได้ว่าจากที่ยกตัวอย่างมานั้นล้วนเกี่ยวข้องในการดำเนินชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคนบนโลกใบนี้เลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่าเทคโนโลยีชีวภาพนั้นได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของมนุษย์โดยตรงอย่างจริงจังมากๆ ซึ่งจะเห็นได้ชัดเลยว่าการที่มนุษย์นั้นได้มีการประยุกต์เอาเทคโนโลยีที่มีประโยชน์ต่างๆเข้ามาใช้ในการอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตประจำวันนั้น ทั้งในระบบชีวภาพ สิ่งมีชีวิตต่างๆนั้นก็เพื่อที่จะได้มีการริเริ่ม หรือเป็นจุดเริ่มต้นขึ้นในการสร้างสิ่งต่าง หรือแม้แต่การปรับปรุงแก้ไขสิ่งต่างๆรอบตัว
ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะเป็นผลิตภัณฑ์ หรือแม้แต่ในกระบวนการต่างๆ
ก็ด้วยทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อมนุษย์โลกนั่นเอง ทุกสิ่งมีชีวิตที่อาศัยร่วมกันอยู่บนโลกใบนี้ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคน พืช หรือแม้กระทั้งสัตว์เองก็ตาม แน่นอนเลยว่าย่อมจะต้องมีกระบวนการในการเปลี่ยนแปลงที่สามารถที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองได้อยู่ตลอดช่วงเวลาในการดำรงชีวิต
ซึ่งก็แล้วแต่ว่าสำหรับแต่ละชีวิตนั้นจะมีแหล่งอาศัยอยู่ในส่วนไหนของโลกบ้างซึ่งก็มีทั้งที่อาศัยอยู่ทั้งในน้ำและบนบก ที่สำคัญของทุกๆชีวิตคือจะต้องมีการปรับสภาพความเป็นอยู่ของตนเองให้สามารถที่จะเข้ากันได้ดีและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมรอบๆตัวให้ได้นั่นเอง
สรุปก็คือสำหรับเทคโนโลยีชีวภาพนั้นถือได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญมากๆต่อเหล่าสิ่งมีชีวิตทุกๆชนิดบนโลกใบนี้ โดยการพัฒนาเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้ก็เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และไม่เคยหยุดนิ่งทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ต่อทุกคนทุกสิ่งมีชีวิตนั่นเอง อย่างไรก็ตามการที่เรามีเทคโนโลยีนี้ถือเป็นเรื่องที่โชคดีมากๆด้วยเช่นกัน
6
ก.พ.
2020
เราจะสามารถทางไทม์แมชชีนเดินทางข้ามเวลาได้จริงหรือไม่
จะเป็นไปได้จริงหรือไม่ ที่มนุษย์เราจะสามารถสร้างเทคโนโลยีที่อัจฉริยะถึงขนาดนั้นได้อย่าง ไทม์แมชชีน ที่เอาไว้สำหรับการเดินทางข้ามมิติเวลา แค่คิดมันเกินความจริงไปมากแล้ว เพราะยังไม่มีใครเคยสร้างเครื่องหรือยานสำหรับการเดินทางสู่ห่วงเวลานั้นได้ เพราะนั้นถูกจำภาพมาจากภาพยนตร์ หรือ นวนิยาย ทางวิทยาศาสตร์มากเกินไปหรือป่าว เราจึงคิดว่าการเดินทางข้ามเวลาสามารถทำได้ และการสร้างอุปกรณ์ในการเดินทางข้ามเวลาอย่างไทม์แมชชีนสามารถเป็นไปได้ ตามหลักของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ของนักวิทยาศาสตร์ชื่อที่ค้นพบทฤษฎีแนวคิดนี้อย่าง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ก็ได้กล่าวว่า หากเราต้องการจะเดินทางข้ามเวลานั้น
เราจะต้องเดินทางให้แล้วกว่าความเร็วแสง ซึ่งตามหลักการนี้แล้วมันไม่มีเป็นไปได้อย่างแน่นอน ในปัจจุบันเราไม่สามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่มีความเร็วมากกว่าความเร็วแสงได้ แล้วจริงหรือไม่ที่เมื่อเราออกไปนอกเพียงไม่นานแต่เมื่อกลับลงมายังโลกเราจะมีอายุเท่าเดิม แต่คนบนโลกบนจะมีอายุเพิ่มขึ้นถึง 10 ปี
ซึ่งตามหลักการนี้จะเท่ากับว่าผู้ที่เดินทางออกไป
นอกคือนักเดินทางข้ามเวลาและกลับลงมายังโลกที่เป็นอนาคตในอีก 10 ปีข้างหน้าในขณะที่เขาอายุเท่าเดิม แนวคิดนี้ยังไม่เกิดขึ้นจริง100% ซึ่งนักบินอวกาศชาวรัสเซียเคยขึ้นไปสำรวจอวกาศแล้วกลับลงมา โดยที่ตั้งค่าเวลาให้ข้างนอกโลกเท่ากับโลก ปรากฏว่าการกลับมาของเข้านั้น เวลาที่อยู่บนเร็วกว่าเขาไป 2 วินาทีเท่านั้น ซึ่งนั้นก็ถือว่าเขาได้เดินทางข้ามเวลาแล้ว แต่การที่บอกว่าห่างกัน 10 ปีนั้นคงจะระยะเวลาที่มากเกินไป และแน่นอนว่าเรื่องยังคงได้ทำการพิสูจน์อยู่เสมอ และยากที่จะเชื่อว่าเราสามารถเดินทางข้ามเวลาได้อย่างที่ไอน์สไตน์ได้กล่าวไปข้างต้นนั้น
นอกจากเราจะต้องเดินทางให้ไวความเร็วแสงแล้ว
เราจะต้องเดินทางผ่านรูหนอน ที่จะทำให้เราไปโผล่ในอีกมิติ เพราะรูหนอนคือช่องทางการบิดเบือนของเวลา ถ้าหากเราสามารถนำตัวเองออกจากรูหนอนได้ มิติอีกฝั่งก็เปรียบเสมือนโลกคู่ขนานซึ่งเราไม่อาจทราบว่าได้ว่าจะมีลักษณะเป็นอย่างไร แต่ถ้าให้พูดถึงการเดินทางข้ามเวลา การเดินทางข้ามไปยังอนาคตนั้นมีความเป็นไปได้มากกว่าการเดินทางย้อนเวลากลับไปอดีต
เพราะเราไม่สามารถลับไปอดีตหรือแก้ไขมันได้ เพราะหากเป็นเช่นนั้นได้ ก็เท่ากับว่า อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว ตัวเราจะไม่สามารถลับไปแก้อดีต เพราะหาแก้ได้ตัวเราในปัจจุบันจะรู้สึกอะไรเมื่อกลับมาปัจจุบันซึ่งมันเป็นตัวเรามาตลอดทั้งในอดีตและปัจจุบัน
27
ม.ค.
2020
วิธีการทำสบู่เอามาปั้นดอกไม้
วันนี้เราจะพาไปทำดอกไม้จากสบู่กัน ใกล้จะถึงวันวาเลนไทแล้วเราก็นึกว่าเราจะทำอะไรดีให้คนที่เรารักแต่ว่าจะไปซื้อดอกไม้ก็เดียวเหยี่ยวดังนั้นเรามาทำดอกไม้จากสบู่กันเพื่อที่อยู่ได้นานอีกอย่างมีคุณค่าทางใจเพราะว่าเรานั้นทำเองหรือว่าเรานั้นจะทำเอาไว้กราบไหว้พระก็ได้นะค่ะ อยู่ได้นานและมีกลิ่นหอมด้วย เราเริ่มทำส่วนผสมกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง
อันดับแรกเราต้องเตรียม สบู่ มีน้ำเปล่า กาว แป้งมัน สีผสมอาหาร และก็น้ำมันมะกอก และเตรียมกาลามัง
เริ่มจากเรานั้นหั่นสบู่ที่เรานั้นเอามาเตรียมไว้หั่นให้เป็นก้องเล็กๆ จากนั้นเราเอาไปปั่น ใช่ค่ะใส่เครื่องปั่น และเรานั้นเติมน้ำเปล่าลงเพื่อที่ให้ละเอียด เราก็ปั่นจนได้เนื้อเดียวกันแล้ว จากนั้นเรานำไปต้มจนเดือด พอเราต้มจนเดือดแล้ว เราใส่แป้งมันลงไป ค่อยๆใส่เราก็กะเอา พอเราใส่ไปแล้วก็คนให้เข้ากันจากนั้นเราก็พักทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้เย็นลง แล้วเรานั้นนวดแป้งไปโดยที่เรานั้นใส่สีผสมอาหารลงไปเพื่อที่เรานวดไปแล้วแล้วใส่สีผสมอาหารเพื่อที่สีกับแป้งจะได้เป็นเนื้อเดียวกัน
ในระหว่างนั้น ที่เรานวดนั้น เราก็ใส่น้ำมันมะกอดลงไปค่อยๆใส่ไปทีละนิด เพื่อที่เรานั้นนวดไปจะได้ไม่ติดมือ หลังนั้นเราก็นวดให้แป้งนั้นเข้าที่นวดไปจนที่เรานั้นได้แป้งที่เราต้องการค่ะ เห็นไหมค่ะว่าไม่อยากเกิน ที่เรานั้นจะทำเพื่อคนที่เรารักหรือว่าเรานั้นจะไปกราบไหว้พระก็ได้ จากนั้นเราก็เริ่มที่เราปั้นให้เกสรก่อนคือปั้นให้เป็นรูปทรงหยดน้ำแล้วเราก็เอาไปเสียบกับไม้แหลมที่เรานั้นเตรียมไว
จากนั้นเราก็เริ่มปั้นกลับปั้นให้ก้อนกลมๆ
แล้วเราก็บีบให้แบบแล้วเอาช่วงปลายนั้นให้แหลม แล้วเราก็เอาไปใส่ในเกสรที่เรานั้นทำไว้ ทำแบบนี้จนชนครบรอบ หลังจากที่เรานั้นทำจนรอบแล้วแต่ว่าชั้นเดียวไม่สวยเราต้องทำแบบเดิมทำจนที่ถูกใจเราแล้วก็พอ จากนั้นเราก็เอากระดาษที่พันก้านมาพันที่ก้านไม้แล้วเราก็ใส่ใบให้ดูสวยงาม หลังจากที่เรานั้นทำเสร็จแล้วหนึ่งดอกเราต้องการดอกไม้กี่ดอกก็อยู่ที่เรานั้นทำ
หรือว่าเราจะทำแค่ดอกเดียวแล้วแต่จากนั้นเราก็นำมาใส่ขวดที่เรานั้นเลือกเอาไว้สวย ๆ เก๋ๆเดี๋ยวนี้มีเยอะ มีให้เรานั้นเลือกเยอะเลย จากนั้นเราก็เอาดอกไม้ที่เราทำจากสบู่แล้วก็จัดตบแต่งให้สวยงาม
22
ม.ค.
2020
หากพูดถึงมนุษย์ต่างดาว
สำหรับบางคนนั้นอาจจะมองเป็นเรื่องที่เหลวไหล มันไม่มีอยู่จริง แต่สำหรับบางคนนั้นก็เชื่อ เพราะคิดว่าในจักรวาลของเรานี้มันกว้างใหญ่ไพรศาลอาจจะดาวที่คล้ายกับโลกและมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เช่นเดียวกันกับดาวโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ แต่แล้วในวันหนึ่งที่สหรัฐอเมริกา ก็มีชายปริศนาได้โทรไปแจ้งกับสำนักข่าวว่าอยากจะให้มาสัมพันธ์เขา
เพราะเขามีความลับเรื่องมนุษย์ต่างดาวที่ต้องการเปิดเผย โดยห้ามให้ทีมงานบันทึกภาพทั้งแบบภาพนิ่งและเคลื่อนไหว รวมไปถึงการบันทึกเสียง ชายคนนั้นไม่แจ้งชื่อหรือใดเพียงแต่บอกตัวเขานั้นอยู่ในฐานทัพลับ และพูดถึงเรื่องของมนุษย์ต่างดาว เขาเล่าว่า มนุษย์ต่างดาวนั้นมีอยู่จริง และมีอยู่มานานมากถึง 80 กว่าปีที่ผ่านมา แท้จริงแล้วนั้นพวกมนุษย์อย่างเราไม่ได้เป็นบุคคลที่ค้นพวกเขา แต่พวกเขาต่างหากที่สามารถค้นพบพวกเราได้ก่อน พวกเขาอาศัยและปะปนอยู่ไปทุกมุมโลก มีความฉลาดเป็นอย่างมาก
รูปลักษณะภายนอกของมนุษย์ต่างดาวนั้นมีความแตกต่างจากมนุษย์โดยสิ้นเชิง
แต่พวกเขานั้นมีความสามารถพิเศษที่เหนือกว่ามนุษย์นั้นก็คือการเปลี่ยนแปลงรูปร่างให้เหมือนกับมนุษย์ทั่วไปได้ จากเรื่องนี้ทำให้หลายคนต่างพากันออกมาแสดงความคิดเห็นว่าถ้าเป็นเรื่องจริง มนุษย์ต่างดาวจะเดินทางมายังโลกทำไม บางคนบอกว่า มนุษย์ต่างดาวต้องการจะมายึดครองโลก โดยการมาสำรวจล่วงหน้า หรือต้องการมาเพียงหาแหล่งแร่ธาตุบนโลกเพื่อนำกลับเอาใช้ที่โลกของตัวเอง เพราะอาจจะเป็นสรรพยากรที่สำคัญต่อโลกของมนุษย์ต่างดาว บ้างก็ว่าแท้จริงแล้วนั้นมนุษย์เราเองนี่แหละที่ถูกสร้างโดยมนุษย์ต่างดาวจากโลกอื่นแล้วนำมาปล่อยไว้ยังดาวดวงนี้
เหมือนกับที่มนุษย์โลกเราพยายามค้นหาดวงดาวที่เหมือนกับโลก แล้วนำสิ่งมีชีวิตไปปล่อยเอาไว้ เพื่อรอดูว่าสิ่งมีชีวิตนั้นจะสามารถอยู่รอดบนดาวดวงนั้นหรือไม่ ก็อาจจะเป็นหลักการเดียวกันที่ว่ามนุษย์ต่างดาวสร้างเราขึ้นมาแล้วนำมาปล่อยไว้ยังโลกใบนี้ และเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาของมนุษย์ไปเรื่อยๆ
อย่างในภาพตามฝาผนังของคนโบราณที่มีการวาดภาพและมีรูปลักษณะเหมือนกับจานบิน จากการวิเคราะห์แล้วหากภาพเหล่านั้นถูกวาดข้นเมื่อสมัยโบราณทำไมจึงมีรูปจานบินที่มีลักษณะแบบนั้นอยู่ในยุคนั้น หรือสิ่งที่คนในยุคโบราณนั้นเรียกว่า พระเจ้า จะเป็นมนุษย์ต่างดาวนี่เองที่คอยควบและดูแลมนุษย์เมื่อหลายพันปีก่อน สุดท้ายแล้วก็ยังมีปริศนาอีกมากมายที่ทิ้งความไว้ด้วยคำถามที่ต้องรอการพิสูจน์ว่าถ้ามนุษย์ต่างมีอยู่จริง แล้วพวกเขานั้นมาเยือนโลกทำไม
19
ม.ค.
2020
วิทยาศาสตร์กับไสยศาสตร์แตกต่างกันอย่างไร
วิทยาศาสตร์ คือ กระบวนการที่เกิดจากรูปแบบของการสืบค้นข้อมูลหรือข้อเท็จจริงจนเป็นที่ถ่องแท้ในผลของสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งในปัจจุบันสรุปได้ว่าวิทยาศาสตร์เกิดขึ้นจากการพิสูจน์ของสมมติฐานที่ตั้งขึ้นมาแล้ว ค้นหาข้อเท็จจริงซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วสรุปเป็นสิ่งที่ค้นพบออกมาในรูปของทฤษฎีบทหรือกฎอะไรประมาณนั้น
ไสยศาสตร์ คือ วิชาทางไสย เป็นสิ่งที่เกิดจากเวทมนต์คาถาแหล่งที่มาจากศาสนาพราหมณ์ จากคัมภีร์พระเวทในส่วนของอรรถเวท ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสิ่งที่เกิดสิริมงคล สามารถป้องกันอันตรายต่อตนเองและผู้ที่เกี่ยวข้องได้ ปัจจุบันการที่จะพิสูจน์หาข้อเท็จจริงบางสิ่งบางอย่างที่ยากต่อการพิสูจน์ในส่วนของสิ่งเล้นลับ ไม่ว่าจะเป็นชาติภพหรือห่วงเวลา
ในวิถีของโลกกับภพภูมิอื่นที่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังมีสมมุติฐานที่สอดรับและขัดแย้งต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ปรากฎการณ์เมอบิวด้า หรือที่เรียกกันว่า สามเหลี่ยมปีศาจ ที่มีการกล่าวอ้างถึงกาหายสาบสูญของวัตถุมากมาย เช่น เรือเดินสมุทร หรือแม้กระทั่งอากาศยานมากมาย ซึ่งทั้งหมดก็เป็นเหตุหรือธรรมชาติ และมีบางเหตุการณ์ที่เป็นสิ่งเล้นลับยากที่วิทยาศาสตร์จะตอบคำถามในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ การมองเห็นอนาคตก่อนเวลาที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบันหรือแม้กระทั่งการระลึกชาติได้ ก็เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์กำลังค้นหาคำตอบว่า เหตุไฉนมนุษย์จึงมีเรื่องราวเกิดขึ้นได้
มีนักวิจัยหลายๆ คนได้สรุปข้อค้นพบจากผู้รู้และนักปราชญ์มากมายได้ดังนี้
วิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นคู่กันและจะปรากฏ อยู่ใน 2 มิติคู่ขนาน บางครั้งแทบจะแยกไม่ออกว่าเรื่องใดเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ และเรื่องใดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไสยศาสตร์ ดังจะเห็นได้จากวิถีการดำรงชีวิตของมนุษย์ที่เกิดมาด้วยวัฎจักรของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แต่การดำรงตนอยู่ในสังคมรอบด้านย่อมต้องมีเรื่องของไสยศาสตร์และความเชื่อเข้ามาเกี่ยวข้องตั้งแต่เกิดจนตาย
ปัจจุบันสื่อเทคโนโลยีด้านการสื่อสารไม่ว่าจะรับรู้ทางโทรทัศน์เครื่องมือสื่อสารต่าง ๆ
และคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในการผลักดันให้สังคมมนุษย์เกิดการรับรู้ด้านไสยศาสตร์เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะโทรทัศน์ ในปัจจุบันมีการเสนอข่าวที่เป็นแรงจูงใจให้กับประชาชนเข้ามาพึ่งไสยศาสตร์ เกิดการบูชาสิ่งเล้นลับเพื่อโชคลาภตามวิถีของศาสนาพราหมณ์ตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งสิ่งที่เกิดการบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์หากมันเกิดขึ้นจริงทางด้านวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถจะหาข้อพิสูจน์อะไรออกมาเป็นรูปธรรมอะไรได้เลย ดังนั้น เราทั้งหมดจึงตอบคำถามในใจของเราเองเสมอมาว่า วิทยาศาสตร์กับไสยศาสตร์ในสังคมไทย มันอยู่คู่กันเสมอมา ด้วยคำโบราณที่ว่า พระจันทร์คู่กับดวงดาวฉันใด วิทยาศาสตร์ก็คู่กับไสยศาสตร์ฉันนั่นเอย
13
ม.ค.
2020
ในยุคสมัยนี้เราใส่ใจในการกินอาหารการน้อยลงมาก เพราะในจังหวะช่วงเวลาที่เรานั้นเร่งรีบ การกินอาหารนั้นจึงถูกปล่อยละเลยออกไป
เนืองจากอาหารที่ทำกินนั้นมันอาจจะไม่ถูกสุขอนามัยสักเท่าไรและนี่เอง ซึ่งทำให้เกิดปัญหาตามมาและทำให้เกิดโรคต่างๆ สำหรับการรับประทานอาหารนั้นมันจำเป็นต่อร่างกายคนเรา เนื่องจากจะทำให้อิ่มแล้ว และยังมีสารอาหารอื่นๆที่มีส่วนทำให้ร่างกายได้ขับเคลื่อนในของระบบต่างๆ เพื่อให้ร่างกายนั้นทำงานอย่างมีคุณภาพ
ซึ่งถ้ารับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเรานั้นร่าง ก็จะทำงานได้ตามระบบกลไกลในส่วนของร่างกาย
และเราต้องใส่ใจการรับประทานอาหารให้ตรงกับเวลา ซึ่งกระเพราะของร่างกายเรานั้นจะทำงาน ทั้ง 3 ช่วงเวลา มื้อเช้า มื้อเที่ยง และมื้อเย็น เนื่องจากนี้ในแต่ล่ะมื้อควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ด้วย
หากเราอยากมีสุขภาพที่ดีนั้นก็ต้องเริ่มจากการรับประทาน
คุณเองก็ควรใส่ใจกับการรับประทานอาหารให้มาก หรือคุณเองก็ควรเลือกวัตถุดิบที่ดี และปลอดภัยจากสารเคมี ซึ่งผักและผลไม้ รวมไปถึงเนื้อสัตว์ในท้องตลาดส่วนใหญ่ก็จะมีสารเคมีปนอยู่ไม่น้อย
ซึ่งชาวไร่ชาวสวนต่างก็ต้องการผลผลิตที่ดีและให้ได้ผลผลิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ได้หันมาใช้ในส่วนของสารเคมีที่เกี่ยวข้องในการผลิตกันอย่างมากและสารเคมีพวกนี้ก็เป็นอันตรายต่อคนรับประทาน
ซึ่งถ้าได้รับสารเคมีพวกนี้เข้าไปสะสมเป็นเวลานานๆอาจจะทำให้คุณนั้นเป็นโรคร้ายตามมาแล้วถ้าหากเรานั้นอยากมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงหรือจะรับประทานอาหารเสริมหรือยาบำรุงมันก็อาจไม่ช่วยอะไรเท่าไรหากไม่ใส่ใจในการรับประทาน
ควรรับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่และหมั่นตรวจสอบอาหารก่อนจะนำเข้าปากหรือถ้าหากคุณไม่มั่นใจในการรับประทานอาหารหรืออาจจะทำกินเองก็ได้เพื่อหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ปลอดภัยต่อร่างกายในส่วนของร่างกายอาจจะได้รับประทานอาหารที่ดีแล้วและที่สำคัญการออกกำลังกายนั้นย่อมเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจะช่วยทำให้ร่างกายคนเรานั้นเกิดการเผาผลาญได้ดี และยังขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายได้ดี
สำหรับอาหารที่มีประโยชน์และปลอดภัยควรกินควบคู่กันไปและออกกำลังกายอย่าง สม่ำเสมอ ซึ่งจะส่งเสริมให้สุขภาพร่างกายของคุณนั้นแข็งแรงขึ้นเป็นอย่างดี ในด้านของบุหรี่ หรือ แอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงให้มาก เนื่องจากของสิ่งนี้เป็นจุดที่ทำร้ายร่างกายสุขภาพของคุณทำให้เกิดโรคภัยต่างๆตามมา
นอกจากนี้เพื่อสุขภาพที่ดีควรใจใส่ต่อตัวเองให้มาก ซักหน่อย เพื่อรักษาสุขภาพของคุณให้แข็งแรงได้อย่างยืนนาน ดีกว่าคุณนั้นต้องใช้ชีวิตอย่างประมาท แล้วยังต้องคอยรักษาตัวเองบ่อยๆในภายหลัง สำหรับร่างกายคนเรานั้นมันไม่ใช่อะไหล่เหมือนเครื่องยนต์ที่จะได้เสียแล้วก็สามารถหามาเปลี่ยนได้ ดังนี้เราควรเร่งรักษาสุขภาพให้ดีกับตัวเองอยู่เสมอ
13
ธ.ค.
2019
เราเคยฟังที่แต่ข่าวที่มีพายุทอร์นาโดพัดพาบ้านเรือนพังเสียหาย ถ้าจะเคยเห็นก็เห็นแต่ในทีวีหรือตามภาพยนต์ที่ฉายเกี่ยวกับพายุทอร์นาโด วันนี้จะมาทำพายุทอร์นาโดกันค่ะ มาดูว่าพายุทอร์นาโดเกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อเราจะทำการทดลองวิทยาศาสตร์เราก็ต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมค่ะ มาดูกันว่าการทำพายุทอร์นาโด ต้องใช้อุปกรณ์อะไรกันบ้าง เริ่มจากขวดเปล่า 1 ขวด น้ำเปล่า น้ำยาล้างจาน และ กากเพชร เมื่ออุปกรณ์ในการทำพายุทอร์นาโดครบแล้วเรามาทดลองกันเลยค่ะ
เริ่มจาก นำขวดเปล่ามาเติมน้ำลงในขวดจนเกือบเต็มขวด หลังจากนั้นให้ใส่น้ำยาล้างจานและใส่กากเพชร ลงไป
เมื่อเรียบร้อยแล้วก็ให้ทำการปิดฝากขวดให้แน่น อย่าให้น้ำไหลออกมาได้ หลังจากนั้นทำการจับขวดให้คว่ำโดยให้มือจับที่ฝาขวดในลักษณะให้ก้นขวดชี้ขึ้น เรียบร้อยแล้วให้หมุนขวดให้แรง
เมื่อหมุนขวดพอประมาณแล้วให้หยุด หลังจากหยุดหมุนจะเห็นว่ามีพายุทอร์นาโด เกิดขึ้นในขวด เหตุผลที่มีพายุทอร์นาโดเกิดขึ้นในขวดเพราะว่า โดยทั่วไปแล้วลมคืออากาศที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว ซึ่งในขวดทดลองเรามีการหมุนขวดด้วยความเร็วทำให้ฟองอากาศในขวดเคลื่อนที่ด้วยความเร็วตามที่เราหมุน ทำให้เห็นการเคลื่อนที่รอบจุดหมุนในขวดน้ำซึ่งจะเห็นเหมือนกับพายุทอร์นาโด
ที่นี้เรามาดูกันว่า พายุทอร์นาโดที่เราเห็นตามข่าวในทีวี สามารถหอบพัดเอาสิ่งของลอยไปได้อย่างไร
อุปกรณ์ที่ต้องใช้คือ ลูกปิงปองจำนวน 2 ลูก เชือก 2 เส้น ไม้บรรทัดอย่างหนา หนังสือเล่มหนาๆหลายเล่ม และเทปใส
สำหรับการทดลองนั้นให้นำเชือกมาติดกับลูกปิงปองทั้งลูกด้วยการแปะเทปใสไว้ แล้วนำปลายอีกข้างของเชือกมาผูกติดกับไม้บรรทัดโดยเว้นระยะห่างของลูกปิงปองทั้งสองลูกประมาณ 2 เซนติเมตร และไม้บรรทัดฝั่งที่ไม่ได้ผูกเชือกไว้วางไว้บนโต๊ะโดยมีหนังสือเล่มหนาๆทับเอาไว้ ซึ่งให้ไม้บรรทัดอยู่บนโต๊ะสักประมาณ 10 เซนติเมตร เมื่อเตรียมอุปกรณ์พร้อมแล้ว
ให้เราทำการทดลองด้วยการเปาลมเบาๆตรงช่องว่างระหว่างลูกปิงปองทั้งสองลูก และค่อยเพิ่มความแรงของลมที่เป่าออกไปแล้วสังเกตเหมือนเดิมจะเห็นว่าตอนที่เป่าลมเบาๆลูกปิงปองทั้งสองลูกจะค่อยๆเข้าหากัน แต่ยิ่งเป่าให้แรงขึ้นลูกปิงปองทั้งสองลูกก็ยี่งเข้าหากันมากขึ้น นั่นก็เพราะว่า เวลาที่เราเป่าลมออกไปจะทำให้เกิดมีอากาศ
ระหว่างลูกปิงปองทั้งสองทำให้เกิดความดันอากาศต่ำ ยิ่งเราเป่าแรงมากความดันอากาศก็จะต่ำมาก และยิ่งความดันลดลงความเร็วก็จะยิ่งมากขึ้น และนี่คือเหตุผลที่พายุทอร์นาโดสามารถพัดเอาสิ่งของลอยไปได้
4
ธ.ค.
2019
โดยธรรมชาติแล้วเด็กๆทุกคนมักมีความอยากรู้อยากเห็น อยากค้นหาความจริง
ซึ่งหลักการเหล่านี้เป็นหลักการของนักวิทยาศาสตร์เบื้องต้นอยู่แล้ว เพียงพ่อแม่ผู้ปกครองมีการส่งเสริมให้บุตรหลานมีการเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์แบบไม่น่าเบื่อก็จะมีผลให้บุตรหลานของท่านมีความสนใจในเรื่องวิทยาศาสตร์มากขึ้น
อยากเห็นลูกหลานของเราเป็นนักวิทยาศาสตร์ในอนาคต ลองมาทำตามขั้นตอนดังนี้กันค่ะ
- เปลี่ยนมุมมองซะใหม่ อย่ามองว่าวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องน่าเบื่อ โดยปกติเด็กๆมักมองว่าวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องที่ต้องนั่งอ่าน ค้นคว้า เรามาเปลี่ยนมุมมองของเด็กๆกันใหม่ด้วยการสอนวิทยาศาสตร์ใกล้ตัวให้เด็กๆได้เรียนรู้ได้รู้สึกสนุกกับการเรียนรู้สิ่งต่างๆใกล้ตัว เช่น เราอาจจะมีการทดลองง่ายๆ เช่นการใส่ไข่ไก่ลงไปในถ้วยน้ำเปล่ากับน้ำเกลือให้เขาเห็นว่ามันแตกต่างกันอย่างไร หรือการทำอย่างไรให้ไข่ตกจากที่สูงแล้วไม่แตก การเล่นเกมง่ายๆแบบนี้จะทำให้เด็กๆรู้สึกสนุกและรู้สึกว่าคำว่าวิทยาศาสตร์ไม่ได้น่าเบื่อเสมอไป
- การเรียนรู้ไม่ได้มีแต่ในชั้นเรียน การค้นหาความรู้ใหม่ๆนอกห้องเรียนจะทำให้เด็กๆรู้สึกเพลิดเพลินได้มากขึ้น ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ที่ดีรับรางวัลกันมากมายก็มีการเรียนรู้จากนอกห้องเรียนกันทั้งนั้น
- เป็นเพื่อนสำรวจโลกกว้างให้กับลูก ธรรมชาติที่มีอยู่รอบตัวเราทั้งเรื่องต้นไม้ ดอกไม้ วงจรชีวิตของสัตว์และแมลง เหล่านี้ล้วนสามารถนำมาเพิ่มการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ให้กับลูกได้ทั้งนั้น ยิ่งลูกได้เห็นความสวยและน่ารักของสัตว์และดอกไม้ ต้นไม้ ลูกก็จะยิ่งสนใจเราเพียงให้ความรู้ ช่วยสอน พาเขาไปสำรวจวงจรชีวิตง่ายๆของธรรมชาติเหล่านี้จะช่วยให้เด็กๆไม่เบื่อการเรียนรู้อีกต่อไป
- ลองให้ลูกเล่นเกมที่เป็นเกมฝึกสมองดูบ้าง อย่าคิดว่าเกมจะมีผลเสียต่อเด็กอย่างเดียวเพราะมีหลายเกมที่สามารถฝึกให้เด็กรู้จักคิด วิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้ หากกลัวว่าเด็กจะติดเกมมากเกินไป เราสามารถคุยและตกลงช่วงเวลาในการเล่นเกมกับเด็กๆได้ จะทำให้เด็กๆได้คลายเครียดจาการเรียนที่โรงเรียนและได้พัฒนาสมองได้อีกด้วย
- หาเวลาทำกิจกรรมกับลูกๆด้วยการจัดทริปเพิ่มความรู้ การท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องพาไปเดินเล่นตามห้างสรรพสินค้าเสมอไป การท่องเที่ยวแนวรักธรรมชาติมีมากมายที่เราสามารถพาลูกไปเที่ยวพร้อมกับให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ไปในตัวโดยที่ลูกๆจะไม่ได้รู้สึกว่าถูกยัดเหยียดให้เรียนด้วย เช่น การพาไปดูสัตว์ที่สวนสัตว์ ไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ไปสวนพฤกษศาสตร์ เดินดูต้นไม้หรือดอกไม้แปลก เชื่อว่าเมื่อเด็กๆได้ไปเห็นของจริงจะรู้สึกสนุกสนานเพลิดเพลินมากกว่านั่งอ่านแต่ในตำราเรียนแน่นอน