การเกิดหลุมอุกกาบาต 

การเกิดหลุมอุกกาบาต 

admin No Comments

        การเกิดหลุมอุกกาบาต  สำหรับในบทความนี้เราจะมีการพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องของการเกิดหลุมอุกกาบาตกรณีที่อุกกาบาตนั้นได้มีการพุ่งชนดาวเคราะห์ต่างๆหรือแม้แต่การพุ่งชนดวงจันทร์หรือการพุ่งชนโลกก็ตามลักษณะของการพุ่งชนของอุกกาบาตนั้นจะทำให้เกิดหลุมอุกกาบาตในลักษณะไหนได้บ้าง

   สำหรับการพุ่งชนของอุกกาบาตนั้นจะเกิดหลุมอุกกาบาตแบบเต็มรูปแบบใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นอย่างไรก็ตามส่วนใหญ่แล้ว

เรามักจะเห็นหลุมอุกกาบาตเกิดขึ้นหลังจากการชนไม่กี่วินาทีและปล่อยพลังงานมหาศาลเทียบเท่าหรือมากกว่าแรงของระเบิดนิวเคลียร์ดังนั้นการพุ่งชนของอุกกาบาตขนาดเล็กก็จะเกิดหลุมคล้ายกับชามแต่สำหรับการพุ่งชนของอุกกาบาตขนาดใหญ่นั้น จะทำให้เกิดหลุมรูปร่างซับซ้อนที่มีใจกลางเป็นเนินเขาหรือที่ราบขั้นบันไดเกิดขึ้นเลยทีเดียว 

    สำหรับลักษณะของการพุ่งชนของอุกกาบาตขนาดใหญ่นั้นเมื่ออุกกาบาตพุ่งชนดวงจันทร์ก็จะเกิดแรงดันมหาศาลหลังจากนั้นก็จะมีการส่งคลื่นกระแทกทำลายล้างบนชั้นหินของพื้นผิวของดวงจันทร์ซึ่งหลังจากนั้นก็จะเกิดหลุมอุกกาบาตชั่วคราวเกิดขึ้น

โดยเร็วๆนี้จะมีพลังงานที่ออกมาจากการกระแทกทำให้อุกกาบาตและพื้นผิวที่เป็นหินแตกออกระเหยกลายเป็นไอซึ่งเศษซากต่างๆเหล่านี้ก็จะมีการกระจัดกระจายออกเป็นสารอัคนีรูปกรวยเกิดเป็นหลุมอุกกาบาตลึกลงเพียงชั่วคราวเท่านั้น

      อย่างไรก็ตามหลังจากที่หลวงปู่บาดลึกลงทะเบียนชั่วคราวเสร็จเรียบร้อยแล้วหลังจากนั้นไม่นานก็จะมีการยุบตัวและคืนรูป

โดยเกิดจากแรงมหาศาลที่เกิดจากการชนสามารถทำให้หินถูกบดและไหลเหมือนของเหลวเพิ่มหลุมก็จะเกิดการยุบตัวและการคืนตัวเหมือนน้ำเกิดเป็นเนินเขาที่กลางหลุม  หลังจากนั้นก็จะเกิดหลุมอุกกาบาตที่เสร็จสมบูรณ์ซึ่งหลังจากเกิดหลุมอุกกาบาตบนดวงจันทร์มันจะคงรูปทรงไว้อย่างนั้นจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางธรณีเช่นการเกิดภูเขาไฟหรือหลุมอุกกาบาตที่เก่าแก่ก็มักจะมีหลุมอุกกาบาตใหม่ๆอยู่ภายในเป็นต้น

      อย่างไรก็ตามเราสามารถยกตัวอย่างอุบาทว์ที่พุ่งชนโลกได้และเป็นหลุมขนาดใหญ่โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดเป็นหลุมอุกกาบาต badfinger หรือที่เรารู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า อุกกาบาต Meteor  

ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้มีการสันนิษฐานว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่แรกที่พบหลักฐานการพุ่งชนของอุปกรณ์อุกกาบาตบนพื้นผิวโลกโดยเกิดขึ้นที่รัฐแอริโซนา  ประเทศสหรัฐอเมริกา  

        ซึ่งอุกาบาตดังกล่าวนั้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 1 กิโลเมตรและทางนักวิทยาศาสตร์ก็ได้มีการสำรวจพบแล้วว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 50,000 ปีที่แล้ว โดย อุกาบาตได้มีการพุ่งชนผิวโลกด้วยความเร็วประมาณ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและจากการพุ่งชนในครั้งนั้นก็ได้มีการปล่อยพลังงานมากกว่าระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมะมากถึง 1000 เท่าอีกด้วย 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย    gclub

ปรากฏการณ์ทะเลโฟม 

admin No Comments

           เชื่อว่าเมื่อพูดถึงทะเลโฟมหลายคนอาจจะนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการจัดปาร์ตี้และมีการนำโฟมมาฉีดเล่นกันในงานปาร์ตี้นั้นแต่อันที่จริงถ้าเลยโฟมที่เรากำลังพูดถึงนี้คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในทะเล 

ถ้าหากพูดถึงปรากฏการณ์ทะเลโฟมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเชื่อว่าหลายคนอาจจะนึกไม่ออก 

เพราะอาจจะไม่ค่อยคุ้นชินหรือไม่ค่อยเห็นเหตุการณ์แบบนี้กันสักเท่าไหร่นัก

         อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์ทะเลโฟมนั้นเกิดขึ้นจริงและขณะของทะเลโฟมนั้นก็จะเป็นลักษณะเหมือนกับทะเลคาปูชิโน่

ซึ่งเชื่อว่าหลายคนคงพอจะนึกภาพกาแฟคาปูชิโน่ออกที่มันจะมีฟองขึ้นด้านบนของแก้วกาแฟคาปูชิโน่นั้นเอง  สำหรับปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นทางทะเลซึ่งลักษณะของทะเลโฟมนั้นมันเป็นการลักษณะของคลื่นที่ซัดเอาโฟมเข้ามาแถวบริเวณชายฝั่งด้วยจำนวนโฟมที่มากมายมหาศาล

ซึ่งเมื่อหลายคนที่ได้เห็นทะเลโฟมไม่ได้เกิดความหวาดกลัวแต่เขารู้สึกว่ามันคือสถานที่ที่สามารถจัดงานปาร์ตี้ได้ดังนั้น  ufabet   เราจะเห็นได้ว่าจะมีผู้คนที่ได้เห็นปรากฏการณ์ทะเลโฟมลงไปเล่นทะเลโฟมกันอย่างคับคลั่งกันเลยทีเดียว 

          อย่างไรก็ตามถ้าหากใครนึกถึงปรากฏการณ์ทะเลโฟมไม่ออกว่ามันมีลักษณะแบบไหนถ้าหากนึกถึงกาแฟคาปูชิโน่แล้วยังนึกถึงภาพได้มาชัดเจนแนะนำว่าคุณลองนึกถึงภาพว่าคุณมีการซักผ้าโดยใช้ผงซักฟอกเยอะมากจนเกินไปจนเกิดฟองขึ้นเต็มกะละมังซักผ้าของคุณนอกจากนี้ลองของผงซักผ้าที่เป็นกะละมังนั้นยังเป็นสีขุ่นรอดูสกปรกเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 

        อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าผู้คนจะสนุกสนานกับการเล่นทะเลโฟมแต่คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าทะเลโฟมนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร อย่างไรก็ตามจากการที่นักวิทยาศาสตร์ได้มีการเข้ามาวิเคราะห์เกี่ยวกับการเกิดปรากฏการณ์ทะเลโฟมนั้นเชื่อว่ามันมีปัจจัยที่สามารถเกิดขึ้นได้หลายอย่าง

ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าปรากฏการณ์นี้มันจะเกิดขึ้นมาจากการสะสมขยะในท้องทะเลหรือแม้แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดภาวะโลกร้อนอุณหภูมิในท้องทะเลนั้นสูงขึ้น  หรือมีทั้งทะเลมีเกลือเป็นจำนวนมากเกินไปนอกจากนี้อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับคลื่นลมแรงที่ตีน้ำให้กลายเป็นฟองได้ 

          นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์กันว่าแท้ที่จริงแล้วปรากฏการณ์ทะเลโฟมนั้นน่าจะเกิดจากการที่ในท้องทะเลมีขยะมากเกินไปและขยะก็มีการผสมเข้ากับเกลือในทะเล หลังจากนั้นก็กลายเป็นฟองในน้ำอุ่นอุ่น หลังจากนั้นฟองต่างต่างเหล่านี้ก็ถูกคลื่นและลมพัดเข้ามาที่บริเวณชายฝั่ง 

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าผู้คนจะยังไม่สามารถรู้ได้แน่ชัดว่าปรากฏการณ์ทะเลโฟมนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไรแต่เมื่อใดก็ตามที่มีปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นผู้คนต่างก็ชื่นชอบเพราะการเล่นทะเลโฟมนั้นมันค่อนข้างสนุกสนานมากนั่นเอง 

ข้อมูลซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับดวงจันทร์ที่น้อยคนนักที่จะรู้ 

admin No Comments

       เมื่อพูดถึงดวงจันทร์เรามักจะเห็นมันในยามค่ำคืนแต่อันที่จริงแล้วถ้าหากเรามองให้ดีๆจะเห็นได้ว่าแม้แต่ช่วงเวลากลางวันนั้นเราก็สามารถมองเห็นดวงจันทร์ได้เพียงแต่ว่าดวงจันทร์นั้นส่องสว่างไม่เท่ากับดวงอาทิตย์ทำให้แสงจากดวงอาทิตย์นั้นกับแสงของดวงจันทร์เราจะมองเห็นบนท้องฟ้านั้นมีดวงจันทร์เพียงแค่รางๆเท่านั้นเอง

         ยังไงก็ตามผู้คนยังมองเห็นอีกด้วยว่าดวงจันทร์นั้นถ้าหากเปรียบขนาดความใหญ่ของดวงอาทิตย์แล้วถ้าจะเรียกได้ว่าดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์

นั้นมีความใหญ่เท่าเทียมกันแต่แท้ที่จริงแล้วคุณรู้หรือไม่ว่าจากการที่นักวิทยาศาสตร์ได้มีการออกไปสำรวจนอกโลกนั้นพบว่าดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์นั้นมีขนาดที่แตกต่างกันเป็นอย่างมากเรียกได้ว่าขนาดแตกต่างกันมากถึง 400 เท่าเลยทีเดียวและระหว่างดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์นั้นดวงจันทร์มีขนาดเล็กกว่าดวงอาทิตย์ถึงหรือ 400 เท่านั้นเอง

        อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์มีลักษณะขนาดที่มีความเท่ากันนั่นก็เพราะว่าดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์อยู่ห่างกันถึง 400 เท่าดังนั้นจึงทำให้สายตาของเรานั้นมองเห็นขนาดระหว่างดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์มีขนาดเท่ากันนั่นเอง 

        นอกจากนี้ในช่วงเวลากลางคืนเราจะเห็นได้ว่าดวงจันทร์นั้นเมื่อไม่มีแสงของพระอาทิตย์มาบดบังดวงจันทร์จะมีความสว่างเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคืนเดือนมืดแล้วแทบจะมองเห็นบรรยากาศโดยรอบๆตัวเราได้จากแสงของดวงจันทร์ซึ่งหลายคนเข้าใจว่าดวงจันทร์นั้นมีความสว่างเป็นอย่างมากเลยทีเดียว  

        ยังไงก็ตามคุณรู้หรือไม่ว่าถ้าหากนำแสงสว่างของดวงจันทร์มาเปรียบเทียบกับแสงสว่างของโลกของเราแล้ว  ทางเข้า ufabet    ปรากฏว่าแสงสว่างของดวงจันทร์นั้นสว่างน้อยกว่าโลกของเราถึง 3 เท่าเลยทีเดียว  สิ่งเหล่านี้สามารถพิสูจน์ได้ด้วยการที่เวลาที่เรามีการถ่ายรูปซึ่งเป็นรูปภาพในเฟสเดียวกันที่มีทั้งดวงจันทร์และโลกอยู่ในภาพเดียวกันนั้นจะเห็นได้ว่าช่างภาพทั้งหลายจะต้องมีการเพิ่มแสงสว่างให้กับดวงจันทร์ให้มากขึ้นเพื่อที่จะให้แสงในภาพนั้นมีความสวยงามและสว่างใกล้เคียงกันนั่นเอง 

          อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ได้มีการคำนวณแล้วว่าถ้าหากเราต้องการที่จะให้ดวงจันทร์นั้นมีแสงสว่างเท่ากับช่วงเวลากลางวันตอนบ่ายบนโลกมนุษย์นั้นเราจะต้องใช้ดวงจันทร์มากถึง 3แสนดวงมารวมกันถึงจะสามารถทำให้เกิดแสงสว่างเท่ากับช่วงเวลากลางวัน

ซึ่งเป็นช่วงเวลาบ่ายบนโลกมนุษย์ได้ และที่สำคัญก็คือในสามแสนดวงนั้นจะต้องมี 206000 พันดวงที่จะต้องเป็นช่วงที่พระจันทร์เต็มดวงถึงจะสามารถเพิ่มแสงสว่างให้เทียบเท่ากับโลกในช่วงเวลาตอนบ่ายได้นั่นเอง

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับดวงจันทร์ 

admin No Comments

          ดวงจันทร์คือดาวเคราะห์ดวงหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นดาวบริวารของโลกแสงของดวงจันทร์นั้นจะส่องมาให้ความสว่างต่อมนุษย์โลกในทุกค่ำคืนยังไงก็ตามดวงจันทร์นั้นเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่นอกโลกมันมีความลับของมันซ่อนอยู่สำหรับในบทความนี้เราจะมาพูดถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับดวงจันทร์ที่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนมาดูกันว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับดวงจันทร์นั้นมีอะไรบ้าง 

        หลายคนอาจจะเคยสงสัยเกี่ยวกับเรื่องของดวงจันทร์ว่าแท้ที่จริงแล้วดวงจันทร์นั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไรซึ่งนักวิทยาศาสตร์เองก็มีความสงสัยเช่นเดียวกัน

และนักวิทยาศาสตร์ก็มีการมาวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องของการกำเนิดของดวงจันทร์ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อมั่นว่าดวงจันทร์นั้นเกิดขึ้นมาจากการชนกันในอวกาศซึ่งสิ่งที่ชนกันในอวกาศนั้นก็อาจจะเป็นวัตถุขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ในอวกาศชนเข้ากับโรคแล้วเกิดเป็นเศษหินกระจัดกระจายไปทั่วทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์อยู่ใกล้กับโลกของเรานั่นเอง

            อย่างไรก็ตามเวลาที่เรามองขึ้นไปบนดวงจันทร์เราจะเห็นว่าดวงจันทร์นั้นเป็นลักษณะของรูปทรงกลมอย่างที่เราเคยได้ยินคนพูดกันบ่อยๆว่าหน้ากลมเหมือนพระจันทร์แต่อันที่จริงแล้วคุณรู้ไหมว่านักวิทยาศาสตร์ได้มีการไปสำรวจดวงจันทร์มาแล้วและพบว่าดวงจันทร์แท้ที่จริงแล้ว

มันไม่ใช่รูปทรงกลมอย่างที่เราเข้าใจกันแต่ลักษณะของดวงจันทร์ที่อยู่นอกโลกเราเป็นลักษณะที่แท้จริงของดวงจันทร์นั้นมันมีลักษณะคล้ายกับรูปทรงไข่เลยทีเดียว

           นอกจากนี้ดวงจันทร์ยังเป็นดาวบริวารที่มีความใกล้ชิดกับดวงอาทิตย์มากที่สุด ซึ่ง  www.ufabet.com ลิ้งเข้าระบบ   นับว่าเป็นดาวเคราะห์ดวงที่ 3 ที่อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์ต่อจากดาวพุธและดาวศุกร์นั่นเอง นอกจากนี้เนื่องจากเส้นผ่าศูนย์กลางของดวงจันทร์นั้นมีการคัดออกมาแล้วเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2159 ไมล์

ดังนั้นจึงทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถสันนิษฐานได้ว่าดวงจันทร์นั้นเป็นดาวบริวารที่ใหญ่อันดับที่ 5 ในระบบสุริยะจักรวาลซึ่งดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะจักรวาลนั้นก็คือดาวพฤหัสบดีและตามด้วยดาว panus ต่อมาก็เป็นดาวไททันและดาวคาลิสโต้และสุดท้ายก็มาที่ดวงจันทร์นั่นเอง 

            อย่างไรก็ตามเรื่องราวเกี่ยวกับดวงจันทร์ยังมีเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดอย่างเช่นดวงจันทร์นั้นก่อให้เกิดระบบจันทรุปราคาซึ่งโดยปกติแล้วจันทรุปราคานั้นเราจะไม่ค่อยเห็นกันบ่อยมากนักส่วนใหญ่ที่เราเห็นนั้นจะเป็นสุริยุปราคาเสียมากกว่าเพราะในหลายร้อยปีนั้นถึงจะเกิดจันทรุปราคาสักครั้งหนึ่งนั้นเอง 

       อย่างไรก็ตามเรื่องราวเกี่ยวกับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับดวงจันทร์นะยังมีเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดซึ่งถ้าหากใครสนใจก็สามารถที่จะศึกษาข้อมูลตามหนังสือวิทยาศาสตร์ได้เพราะเรื่องราวเหล่านี้นั้นผู้ที่หาคำตอบได้นั่นก็คือนักวิทยาศาสตร์นั่นเอง

แบคโฮยักษ์ที่อยู่ตรงกลาง

admin No Comments

            เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของแบคโฮยักษ์หรือหลุมดำกันมาบ้างแล้ว  โดยถ้าใครที่เคยมีการศึกษาเกี่ยวกับดาราศาสตร์หรือเรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์จะต้องเคยได้ยินชื่อของแบคโฮยักษ์หรือหลุมดำ  เนื่องจากว่ามีการพูดถึงกันเป็นอย่างมากในกลุ่มนักดาราศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์

เพราะมีการศึกษาข้อมูลกันมานานหลายปีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมานั้นนักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์นั้นได้พยายามที่จะค้นพบและสำรวจเกี่ยวกับเรื่องของดวงดาวเป็นอย่างมาก 

 

            ซึ่งเมื่อช่วงประมาณปี  ค.ศ. 1993 ปรากฏว่าได้มีนักดาราศาสตร์ได้ทำการค้นพบแหล่งกำเนิดคลื่นวิทยุปริศนา

 

จากบริเวณใจกลางกาแล็กซีทางช้างเผือก โดยมีการระบุว่าตำแหน่งดังกล่าวนั้นอยู่ใกล้กับตำแหน่งของกลุ่มดาวคนยิงธนู  หรือซาจิทาเรียส  โดยนักดาราศาสตร์ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า ดาวฤกษ์และแก๊สร้อนที่โคจรรอบแบ่งกำเนิดคลื่นวิทยุปริศนานี้มีความเร็วที่สูงมากมาก จนทำให้เป็นที่มาของการตั้งสมมติฐานที่ว่าวัตถุดังกล่าวนี้จะต้องมีแรงโน้มถ่วงมหาศาล

            ซึ่งสมมติฐานนี้ก็ไปตรงและสอดคล้องกับคุณสมบัติของหลุมดำมวลยวด และ  ufabet เว็บหลัก    ด้วยความพยายามและความร่วมมือของนักวิจัยมากกว่า 300 คนจาก 80 สถาบันทั่วโลก ที่รวมกันเป็นเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์วิทยุ Event Horizon telescope หรือ EST

  ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ได้ทำงานกันอย่างหนักเป็นระยะเวลานานถึง 5 ปีโดยรวมข้อมูลจากหอดูดาว 8 แห่งทั่วโลก จึงทำให้โลกกลายเป็นกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่เพียงตัวเดียวมองเข้าไปในใจกลางของกาแล็กซีโดยตรงและใช้ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ในการวิเคราะห์ข้อมูล

             อย่างไรก็ตามในวันนี้พวกเขาได้เปิดเผยภาพเงาดำของหลุมดำนี้เป็นครั้งแรกภายในงั้นแสดงภาพวงแหวนรอบด้านที่ล้อมอยู่รอบโลกแห่งความมืดมันมีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ถึง 4 ล้านเท่า อีกทั้งยังมีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวประมาณ 17 เท่าของดวงอาทิตย์

กลืนกินวัตถุที่อยู่ใกล้เคียงอย่างบ้าคลั่งห้อมล้อมด้วยการเรืองแสงของสถานที่กลิ้งไปมาซึ่งปกติแล้วจะถูกบดบังด้วยก๊าซ  ฝุ่น และดวงดาวที่โคจรอยู่รอบๆและยิงไอพ่นของรังสีทรงพลังที่มองเห็นได้จากระยะไกลหลายล้านปีแสง  

          อย่างไรก็ตามเราไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นกังวลใจว่ามันจะทำอันตรายกับโลกของเราเพราะว่ามันอยู่ห่างจากโลกของเราออกไปถึง สองแสนห้าหมื่นล้าน ล้านกิโลเมตรเลยทีเดียว  

        อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ามนุษย์เราจะพยายามศึกษาและค้นคว้าเกี่ยวกับข้อมูลเชิงลึกให้มากที่สุดเกี่ยวกับแบคโฮยักษ์แต่เราก็ไม่สามารถที่จะศึกษาข้อมูลได้โดยละเอียดเพราะเราไม่สามารถที่จะเดินทางเข้าไปสำรวจด้านในที่อยู่ตรงกลางได้ว่าภายในนั้นมีลักษณะเป็นแบบไหนซึ่งทำได้ดีที่สุดก็คือการวิเคราะห์ความน่าจะเป็นไปได้เท่านั้นเอง

Cambrian Explosion  การอุบัติขึ้นของสิ่งมีชีวิตครั้งแรกของโลก ที่นักวิทยาศาสตร์ยังหาคำตอบไม่ได้

admin No Comments

           เมื่อมีการพูดถึงคำศัพท์ที่ว่า Cambrian Explosion  หลายคนอาจจะคิดว่ามันคือการพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องของการระเบิดของดาวหางครั้งใหญ่แต่อันที่จริงแล้วในบทความนี้เราจะมีการพูดถึงเรื่องของการเกิดหรือการอุบัติขึ้นของสิ่งมีชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้

เมื่อพูดถึงเรื่องของการเกิดสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ทางนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าในสมัยเมื่อหลายล้านปีมาแล้วนั้นมนุษย์ยังไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอันดับแรกที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้แต่สิ่งมีชีวิตอันดับแรกที่เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้นั้นกลับกลายเป็นแบคทีเรียชนิดต่างๆนั้นเอง 

        อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเมื่อช่วงประมาณ 540 ล้านปีก่อนอยู่ๆลูกก็มีการเปลี่ยนแปลงและสิ่งมีชีวิตก็มีการอุบัติขึ้น

เป็นการวิวัฒนาการสิ่งมีชีวิตแบบก้าวกระโดดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตที่เคยดำรงชีวิตอยู่ในสมัยยุคโบราณมาการมาก่อนหน้านั้นมันได้มีการวิวัฒนาการโดยตัวของมันเองและเป็นการวิวัฒนาการแบบซับซ้อนจนกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความซับซ้อน

ซึ่งความซับซ้อนของสิ่งมีชีวิตนั้นก็คือการที่มันเริ่มมีอวัยวะเพิ่มขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นหูหรือแม้แต่ตา ซึ่งสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นเริ่มวิวัฒนาการมีอวัยวะต่างๆเริ่มมากขึ้นจนกลายมาเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่เราเห็นกันในตำราหรือแม้แต่ปลาพิพิธภัณฑ์ที่มีการนำซากฟอสซิลของสัตว์ดึกดำบรรพ์มาแสดงให้ดูนั่นเอง

           อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์หลายคนได้พยายามค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของจุดกำเนิดของสิ่งมีชีวิตหรือการอุบัติขึ้นของสิ่งมีชีวิตครั้งแรกของโลกนั้นมันเกิดมาจากอะไรอะไรเป็นตัวเร่งวิวัฒนาการให้สิ่งมีชีวิตนั้นมีการพัฒนาการอวัยวะมาใช้และการแปลเป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนมนุษย์

ในปัจจุบันนี้แต่นักวิทยาศาสตร์เองก็ไม่สามารถที่จะหาคำตอบได้เช่นเดิมซึ่งยังไม่มีหลักฐานอะไรที่สามารถมายืนยันได้ว่าการอุบัติขึ้นของสิ่งมีชีวิตครั้งแรกของโลกนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไรนักวิทยาศาสตร์ทำได้ก็เพียงเป็นการสมมติฐานเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่พอที่จะสามารถอธิบายสาเหตุของการอุบัติขึ้นของสิ่งมีชีวิตได้นั้นเอง 

            อย่างไรก็ตามสมมติฐานที่นักวิทยาศาสตร์ได้มีการตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับเรื่องของการอุบัติขึ้นของสิ่งมีชีวิตและวิวัฒนาการอวัยวะต่างๆของสิ่งมีชีวิตนั้นมีการตั้งสมมติฐานว่ามันน่าจะเกิดมาจากเรื่องที่ระดับของออกซิเจนมีความพอดีกับการใช้ชีวิตทำให้แบคทีเรียต่างๆ

มีวิวัฒนาการและพัฒนาตัวของมันเองหรือแม้แต่ปัจจัยอื่นๆ เช่นการที่โลกมีอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการดำรงชีวิตทำให้สิ่งมีชีวิตนั้นสามารถวิวัฒนาการตัวของมันเองเพื่อปรับสภาพให้สามารถมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้นั่นเอง อย่างไรก็ตามการที่สิ่งมีชีวิตจะมีชีวิตอยู่ได้บนโลกใบนี้นั้นก็ย่อมจะต้องอาศัยหลายปัจจัยรวมกันเพื่อให้มันดำรงอยู่ได้อย่างแน่นอน

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย   ufabet

ที่มาของผีพุ่งใต้หรือแสงดาวตก 

admin No Comments

           เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีโอกาสเห็นดาวตก  หรือบางครั้งที่มีตกเป็นจำนวนมากเราเรียกว่าฝนดาวตกหรือคนสมัยโบราณเรียกกรณีที่ดาวตกลงมาจากฟากฟ้าว่าผีพุ่งใต้

ซึ่งคนสมัยโบราณเชื่อว่าเหตุการณ์ผีพุ่งใต้ก็คือเหตุการณ์ที่จะมีคนมาเกิด อย่างไรก็ตามความเชื่อหลายคนนั้นแตกต่างกันออกไปตามแต่ละพื้นที่และตามแต่ละความศรัทธา

ดังนั้นบางคนที่เห็นดาวตกหรือแม้แต่ฝนดาวตกก็ตามก็มักจะมีการตั้งจิตอธิษฐานโดยมีการเชื่อมั่นว่าถ้าหากว่ามีความศรัทธาอย่างแรงกล้าเวลาที่ตั้งจิตอธิษฐานในช่วงที่ดาวตกหรือฝนดาวตกลงมานั้น คำขอที่เคยขอไปนี้ก็จะเป็นจริง

            ถึงแม้ว่าหลายคนอาจจะเข้าใจแล้วว่าการตั้งจิตอธิษฐานกับแสงดาวตกหรือว่าฝนดาวตกนั้นไม่มีทางเป็นจริงไปได้เพราะการที่ฝนดาวตกหรือแสงดาวตกมานั้นมันเกิดขึ้นมาจากธรรมชาติ

แต่หลายคนก็ยังคงมองว่าการตั้งจิตอธิษฐานกับกลุ่มฝนดาวตกหรือแสงดาวตกนั้นมันเป็นความโรแมนติกอย่างหนึ่งทำให้ปัจจุบันนี้ยังคงเห็นคนมีการตั้งจิตอธิษฐานกับฝนดาวตกเป็นอยู่

          อย่างไรก็ตามหากมีการพูดถึงรูปแบบของดวงดาวที่ตกลงมาหรือที่เราเรียกกันว่าผีพุ่งใต้นั้น ในความเป็นจริงแล้วแสงที่ร่วงลงมานั้นมันไม่ได้เกิดมาจากการที่ดาวร่วงลงมา

 

แต่มันเกิดมาจากอุกกาบาตซึ่งเป็นก้อนหินหรือก้อนโลหะอวกาศที่ผ่านชั้นบรรยากาศของโลกขณะวัตถุนี้พุ่งลงมาด้วยความเร็วสูงมากส่งผลให้อากาศเบื้องหน้าที่ปะทะกับอุกกาบาตจะถูกกว่าด้วยคลื่นสั่นสะเทือนเกิดการลุกไหม้ทำให้ผิวชั้นนอกของอุกกาบาตร้อนขึ้นจนลุกเป็นไฟและหลอมละลายไปในที่สุด

          ที่มาของผีพุ่งใต้หรือแสงดาวตก   แก๊สที่ลุกโพงและวัตถุที่หลอมละลายจะถูกเหวี่ยงออกจากอุกกาบาตในระหว่างนี้ทำให้มองเห็นเป็นลูกไฟพุ่งผ่านไปในท้องฟ้าทั้งนี้โดยข้อเท็จจริงแล้วบนท้องฟ้ามีดาวตกเกิดขึ้นนับพันทุกวันแต่มักมีขนาดเล็กมากสังเกตไม่เห็นหรือไม่ก็ลุกไหม้จนหมดไปก่อนจะมาถึงโลกบำรุงซึ่งมีขนาดใหญ่มากแต่เดิมหรือประกอบด้วยโลหะก็จะมา

      บางดวงที่มีขนาดใหญ่มากแต่เดิมหรือประกอบด้วยโลหะก็จะไม่เผาไหม้จนหมดขณะขึ้นลงมาก็จะคงเหลือแกนกลางที่เรียกว่าลูกอุกกาบาตซึ่งพวกมันจะกระทบพื้นโลกด้วยแรงมหาศาลจนอุกกาบาตซึ่งเป็นก้อนนิกเกิลและเหล็กขนาดมโหฬารนั้นคงต้องลุกไหม้เป็นลูกไฟดวงมหึมาก็จะตกลงมาฝังตัวอยู่ในก้นอุกาบาต

ดังนั้นโดยรวมแล้วทุกวันนี้โลกมนุษย์ของเราก็กำลังเผชิญอยู่กับอุกกาบาตอยู่ตลอดเวลาเพียงแต่ว่าเป็นชิ้นส่วนเล็กๆไม่ก่อให้เกิดอันตรายขณะที่หากเป็นอุกกาบาตก้อนยักษ์ยังอาจต้องใช้เวลาอีกราว 33 ล้านปีถึงจะเกิดขึ้นจึงหวังว่ากว่าจะถึงวันนั้นแผนสำหรับป้องโลกของนาซ่าก็คงจะเสร็จพร้อมรับมือ

 

สนับสนุนโดย    ทางเข้า ufabet มือ ถือ

พลังจิตใต้สำนึก หรือพลังงานที่ซ่อนอยู่ในตัวของมนุษย์

admin No Comments

พลังงานที่ซ่อนอยู่ในตัวของมนุษย์ เป็นเรื่องจริงที่มนุษย์เรามีพลังวิเศษที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง ผู้คนมากมายได้ใช้พลังนี้ โดยบางคนอาจจะยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำนั่นก็คือพลังจิตใต้สำนึก หรือจิตใต้สำนึก ก่อนที่จะรู้จักพลังจิตใต้สำนึก เรามาทำความรู้จักกับจิตหรือจิตวิญญาณกันก่อน

 จิตวิญญาณของเรานั้นซับซ้อนยากนักที่จะเข้าใจ เราไม่รู้มาก่อนว่าจากเดิมแล้ว จิตวิญญาณของเรานั้นมาจากไหนก่อนที่จะมาเกิดบนโลกใบนี้ ความทรงจำจากเดิมนั้น ได้หายไปหมด ไม่เหลือแม่แต่เสี่ยวเดียว เมื่อเราได้เกิดมาจิตก็จะมาประทับอยู่ในกายหยาบของเรา เมื่อทุกอย่างมาเชื่อมต่อกัน  ทางเข้า gclub มือถือ   ทำไห้จิตสั่งการผ่านสมองมีกระบวนการความคิด และอีกมากมาย 

จิตคือพลังงานที่รับรู้ได้ซึ่งกันและกัน

อย่างเช่นโทรจิต เป็นการสื่อสารทางจิตไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลกันขนาดไหน ก็สามารถเชื่อมต่อสัมผัสสื่อสารกันได้ด้วยจิต ในบางครั้งเราได้พบเจอผู้คน ที่กำลังมีอารมเศร้า แค่เรามองโดยไม่ต้องมีใครมาอธิบาย หรือบอกอะไร เรา ก็สามารถรับรู้ได้ว่าคนๆนี้ กำลังรู้สึกเศร้า นั่นหมายความว่าสัมผัสรับรู้ความรู้สึกทางจิต โดยจิตของคุณได้ไปรับพลังงานที่อีกฝ่ายปล่อยออกมา

จิตใต้สำนึก

จิตใต้สำนึกนั้นเป็นพลังงานที่สงบไร้ตัวตน อยู่ก้นบึ้งลึกสุดอย่างสงบภายใต้จิตใจของเรา แต่จิตใต้สำนึกนั้นมีพลังงานวิเศษ ที่จะทำไห้คนประสบความสำเร็จได้อย่างเหลือเชื่อ มันจะค่อยจดจำความคิดซ้ำซาก ที่บุคลนั้นได้คิดทุกวันๆ กระบวนการทางจิตจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท จิตสำนึกเรามักจะใช้จิตสำนึกในชีวิตประจำวัน ในการใช้ความรู้ การกระทำ คำพูด พฤติกรรมบางอย่าง ที่เราสามารถควบคุมได้

จิตใต้สำนึก จะทำหน้าที่จดจำข้อมูลการใช้ชีวิต เรื่องราวประสบการณ์ชีวิต ความเชื่อ ความรู้สึก ทั้งที่เราจำได้และจำไม่ได้ ทั้งตอนที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว แล้วจิตสำนึกก็จะสั่งการพลังงานออกมาเป็นอุปนิสัย พฤติกรรมของเรา ความเชื่อ การกระทำ ในขณะที่เราไม่รู้ตัว 

นอกจากนี้ จิตใต้สำนึก ยังเป็นตัวที่ควบคุมการทำงานของระบบประสาทฮอร์โมน ระบบกล้ามเนื้อ สมองจิตประสาท และระบบอวัยวะภายในของคนเราอยู่ลึก ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว การที่เราได้ทำสิ่งใหม่ๆมีประสบการแปลกใหม่ แล้วรู้สึกไม่ใช่ตัวเอง ไม่สบายใจ เมื่อเกิดเรื่องดังกล่าวจิตใต้สำนึกจะพยามทำไห้คุณกลับไปไห้รู้สึกสบาย

ในทุกครั้งที่ต้องพบเจอสิ่งแปลกใหม่ เรื่องจากการทำสิ่งใหม่ๆมีประสบการที่แปลกใหม่จะส่งผลกระทบรูปแบบชีวิตของเรา เพราะจิตใต้สำนึกจะจดจำสิ่งที่เราทำซึ่งหมายถึงทุกอย่างที่เราทำประจำ แต่เรื่องดังกล่าวคุณอาจกังวลว่าจะทำมันได้ไม่ดีมากนัก เพราะนั่นหมายความว่าคุณจะไม่สามารถทำสิ่งใหม่ ๆ ให้กับชีวิตของคุณได้เลย ดังนั้น คุณต้องพยายามที่จะทำสิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อขยายขอบเขตจุดที่คุณรู้สึก

ภูเขาใต้แอนตาร์กติกา ปริศนาที่แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ 

admin No Comments

 

ภูเขาใต้แอนตาร์กติกา เมื่อพูดถึงแอนตาร์กติกาเชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูกันมากนักนอกจากคนที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของแผนที่ภูมิศาสตร์

ถึงจะสามารถรู้ได้ว่าแอนตาร์กติกาในก็คือทวีป ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายทวีปที่มีอยู่ทั่วโลกอยู่ในตอนนี้สำหรับทวีปอเมริกาเหนือเป็นทวีปที่ห่างไกลจากผู้คนห่างไกลจากความสนใจทำให้เราไม่ค่อยรู้จักกันมากนักเพราะคนส่วนใหญ่มักจะรู้จักกับทวีปเอเชียและทวีปแอฟริการวมถึงทวีปอเมริกาเป็นต้น 

          ยังไงก็ตามสำหรับหลายคนที่มีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องทวีปแผนภูมิประเทศต่างๆรวมถึงนักวิทยาศาสตร์นั้นต่างก็มีการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของแอนตาร์กติกากันซึ่งหลายคนที่เคยศึกษาหาข้อมูลก็มีความเชื่อต่างๆกันออกไป

โดยความเชื่อส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าภายใต้พื้นน้ำแข็งในเขตแอนตาร์กติกานั้นมีความลับ ซ่อนอยู่  บางคนเชื่อว่าเนื่องจากว่าแอนตาร์กติกาน้ำเป็นพื้นที่ห่างไกลที่คนไม่ค่อยนิยมเดินทางไปกันจึงทำให้ที่นี่นั้นอาจจะกลายเป็นฐานลับของมนุษย์ต่างดาว

ซึ่งอยู่ภายใต้น้ำแข็งของทวีปแอนตาร์กติกาก็เป็นไปได้ รวมถึงนักวิทยาศาสตร์บางคนก็มีแนวความคิดว่าภายใต้พื้นน้ำแข็งของแอนตาร์กติกานั้นจะเป็นพื้นที่กลวงสามารถเดินทางทะลุไปยังแก่นกลางของโลกก็เป็นไปได้ 

 

           อย่างไรก็ตามสิ่งที่พูดมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงแค่ทฤษฎีสมคบคิดเท่านั้นแต่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถรู้ได้ว่าภายใต้ แอนตาร์กติกาภายใต้น้ำแข็งมีอะไรซ่อนอยู่ซึ่งยังคงปริศนาให้กับนักวิทยาศาสตร์ได้สนใจที่จะเข้าไปศึกษาหาความรู้  แล้วก็ตามนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าภายใต้เทือกเขาอันกว้างใหญ่

ซึ่งมีน้ำแข็งปกคลุมอยู่นั้น น่าจะมีเทือกเขาซุกซ่อนอยู่ซึ่งพวกเขาที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าอยู่ใต้พื้นน้ำแข็งของแอนตาร์กติกา นั้นมีชื่อเรียกว่า Gamburtsev Mountain โดยเชื่อว่าเทือกเขานี้น่าจะมีความสูงอยู่ที่ประมาณ 3 กิโลเมตรนอกจากนี้ยังมีความกว้างถึง 1,200 กิโลเมตรเลยทีเดียว 

          อย่างไรก็ตามด้วยความสนใจของนักวิทยาศาสตร์จึงได้มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มีการส่องเข้าไปภายใต้พื้นผิวน้ำแข็ง  ทางเข้า Ufabet มือถือ  เพื่อดูถูกเขาดังกล่าวซึ่งนักวิทยาศาสตร์เองก็ยังคงสงสัยว่าชั่วคราวนี้มันก่อก่อตัวขึ้นมาได้อย่างไรและมันทำยังไงมันถึงจะสามารถดึงคงสภาพเดิมเอาไว้ได้

เพราะอันที่จริงแล้วเทือกเขาดังกล่าวนั้นน่าจะถูกกัดเซาะไปตามกาลเวลาเนื่องจากว่ามีน้ำแข็งปกคลุมอยู่และนอกจากนี้ เทือกเขาที่อยู่ภายใต้พื้นน้ำแข็งแอนตาร์กติกาก็ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างไป เพราะน่าจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงจากทางธรณีวิทยาเช่นการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกนั่นเอง 

          อย่างไรก็ตามนอกจากเทือกเขานี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาเป็นระยะเวลานานหลายพันปีแล้วเรื่องพื้นที่ดังกล่าวนี้ยังมีความผันผวนของแรงโน้มถ่วงอีกด้วย

จึงทำให้นักวิทยาศาสตร์ต่างก็พากันสงสัยเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์มองว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขายังคงสภาพเอาไว้ได้ก็เพราะว่าเธอเขานี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ในยุคที่ยังไม่มีน้ำแข็งปกคลุมและมันถูกน้ำแข็งปกคลุมในภายหลังซึ่งน้ำแข็งเป็นตัวที่ควบคุมไม่ให้รูปแบบของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลานั้นเอง 

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับดวงจันทร์

admin No Comments

     เมื่อเรามองไปบนท้องฟ้าเราจะเห็นดวงจันทร์มีขนาดใหญ่โตมากซึ่งหลายคนนั้นเข้าใจว่าดวงจันทร์นั้นอยู่ใกล้โลกมาก

แต่คุณรู้หรือไม่ว่าแท้ที่จริงแล้วดวงจันทร์กับโลกนั้นห่างกัน โดยนักวิทยาศาสตร์ได้เคยมีการเข้าไปสำรวจและพบว่าในครั้งแรกที่มีการสำรวจพบว่าดวงจันทร์กับโลกนั้นห่างกันอยู่ที่ประมาณ 14000 ไมล์

        อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาเปลี่ยนไปจะเห็นได้ว่าดวงจันทร์กับโลกนั้นมีการหมุนห่างกันออกไปเรื่อยๆซึ่งจากการสำรวจของนักวิทยาศาสตร์พบว่าในทุกๆปีนั้นโลกกับพระจันทร์จะห่างกันประมาณ 3.8 cm

ซึ่งทำให้ล่าสุดนั้นผลการสำรวจพบว่าจากเดิมที่พบว่าห่างกันเพียงแค่ 14,000ไมล์ แต่ปัจจุบันนั้นห่างกัน 520,000 ไมล์แล้ว

และเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆโลกกับพระจันทร์ก็จะยิ่งห่างกันออกไปเรื่อยๆนั่นเอง และเมื่อเป็นเช่นนี้นักวิทยาศาสตร์ก็คำนวณแล้วว่าอีกช่วงประมาณ 600 ล้านปีนั้นจะทำให้เราแทบมองไม่เห็นดวงจันทร์และที่สำคัญเราจะมองไม่เห็นการเกิดจันทรุปราคาอีกต่อไปนั่นเอง 

          อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหลายคนคงเคยรู้จักปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงกันมาบ้างแล้วและก็เคยศึกษากันมาบ้างแล้วว่าการเกิดน้ำขึ้นน้ำลงนั้นเกิดจากการแรงดึงดูดของดวงจันทร์

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับดวงจันทร์ เนื่องจากว่าแรงดึงดูดของดวงจันทร์นั้นมีอิทธิพลต่อการขึ้นลงของน้ำในมหาสมุทร ซึ่งจะสังเกตได้ว่าน้ำนั้นจะขึ้นสูงสุดในวันที่พระจันทร์เต็มดวง

        นอกจากนี้ถ้าหากว่ามีการพูดถึงเรื่องของอุณหภูมิบนดวงจันทร์แล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิบนดวงจันทร์นั้นมีความผันผวนเป็นอย่างมากซึ่งทำให้เรานั้นไม่สามารถไปอาศัยบนดวงจันทร์ได้นั่นเองจากการสำรวจของนักวิทยาศาสตร์พบว่าบริเวณพื้นที่ที่ใกล้เส้นสูงสุดของดวงจันทร์นั้นอุณหภูมิบนดวงจันทร์จะมีการเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าโลกถึง 279 องศาฟาเรนไฮน์หรือประมาณติดลบ 173 องศาเซลเซียส

ซึ่งเป็นอุณหภูมิบนดวงจันทร์ในช่วงเวลากลางคืนแต่ถ้าเป็นอุณหภูมิบนดวงจันทร์ในช่วงเวลาบ่ายภูมิกับอยู่ที่ 260 องศาฟาเรนไฮน์หรือ 127 องศาเซลเซียส  ซึ่งจะเห็นได้ว่าเวลากลางวันและเวลากลางคืนนั้นอุณหภูมิมีความผันผวนเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 

        นอกจากนี้ถ้าหากเปรียบเทียบดวงจันทร์กับโลกในระยะเวลา 1 วันเท่ากันแล้วจากการสำรวจของนักวิทยาศาสตร์พบว่า 29 วันบนโลกเท่ากับ 1 วันบนดวงจันทร์ซึ่งเหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าดวงอาทิตย์ใช้เวลานานมากกว่าจะข้ามผ่านท้องฟ้าของดวงจันทร์ 

        ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเรื่องราวความรักของดวงจันทร์นั้นมีเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดซึ่งเราคงต้องค่อยๆศึกษาค้นคว้ากันต่อไป เชื่อว่าไม่มีเรื่องไหน ที่นักวิทยาศาสตร์จะหาคำตอบไม่ได้ เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลานานหน่อยเท่านั้นเอง 

 

ได้รับการสนับสนุนจาก    ufabet