5
ธ.ค.
2023
ถึงเรียกโลกใบนี้ว่า Earth เมื่อพูดถึงโลกที่เราอาศัยอยู่ผู้คนจะเรียกดาวดวงนี้ที่เราอาศัยกันอยุ่นี้ว่า Earth หรือหากคนไทยก็แปลได้ว่าคือโลกนั่นเอง
แล้วคุณเคยสงสัยไหมว่าใครเป็นคนที่ตั้งชื่อดาวดวงนี้เป็นดวงแรกว่าEarth แล้วทำไมถึงเรียกดาวดวงนี้ว่าEarth หากว่าเคยสังเกตให้ดีและมีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของดวงดาวจะเห็นได้ว่าดาวดวงอื่นๆนั้นจะมีการตั้งชื่อเลือดซึ่งส่วนใหญ่นั้นก็จะเป็นการตั้งตามชื่อของเทพเจ้ากรีกแต่มีเพียงแค่ดาวโลก
ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวเท่านั้นที่ไม่มีการตั้งชื่อตามชื่อของเทพเจ้ากรีก หรือว่าเรามันทำให้เราสงสัยว่าที่มาที่ไปของคำว่าEarth เกิดขึ้นมาได้อย่างไรและใครเป็นคนตั้งให้เรียกEarth เป็นคนแรก
อย่างไรก็ตามแม้ว่าหลายคนจะมีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องของการเรียกชื่อดาวเคราะห์ดวงนี้ว่าโลกแต่ก็ยังไม่มีใครสามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าใครเป็นคนตั้งชื่อดาวเคราะห์นี้ว่าโลกโดยไม่มีเอกสารอะไรที่เป็นหลักฐานอ้างอิงได้เลยแม้แต่ว่านักวิทยาศาสตร์จะพยายามค้นหามากแค่ไหนก็ตาม เส้นทางนักวิทยาศาสตร์ก็มีการตั้งทฤษฎีที่สามารถที่จะกล่าวได้ว่ามันมีความเป็นไปได้เพียงเท่านั้นแต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
ยังไงก็ตามนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าคำว่า Earth งั้นน่าจะมีการใช้มาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ปีมาแล้วโดยมีรากศัพท์มาจากคำว่า Eor (th )e
ซื้อมาจากคำศัพท์ภาษาอังกฤษและยังมี ertha ซึ่งมาจากภาษาเยอรมันนำมารวมกัน ซึ่งคำศัพท์ทั้งสองคำนั้นเป็นคำศัพท์ภาษาโบราณโดยความหมายของคำศัพท์ดังกล่าวก็คือพื้นดินนั่นเอง
สำหรับนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าคนโบราณน่าจะยังไม่เคยรู้จักโลกว่าโลกนั้นเป็นดาวเคราะห์ ดวงหนึ่งเพียงเท่านั้นเพราะฉะนั้นคนโบราณจึงได้สรรหาคำมาเรียกพื้นแผ่นดินอันกว้างใหญ่นี้ว่าโลก หรือ Earth แต่คนโบราณน่าจะมีความเชื่อว่า โลกที่เราอาศัยอยู่นี้นั้นเป็นเพียงแค่สถานที่แห่งหนึ่งเท่านั้นส่วนดาวเคราะห์ดวงอื่นที่หมุนเวียนทำให้เรามองเห็นเมื่อยามเรามองไปที่บนท้องฟ้านั้นคือเทพเจ้าที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมามองดูโลกเพียงเท่านั้น และด้วยมุมมองนี้เองที่ทำให้คนโบราณไม่ได้มีการตั้งชื่อโลกเหมือนกับชื่อของเทพเจ้า
อย่างไรก็ตามแต่นี่ก็เป็นเพียงแค่ทฤษฎีและมีความน่าจะเป็นไปได้เท่านั้นแต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะสามารถนำมาเย็นๆได้ว่าความคิดนี้ของนักวิทยาศาสตร์นั้นเป็นความคิดที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะไม่มีหลักฐานอะไรที่เป็นรูปประธรรมที่จะสามารถมายืนยันแนวความคิดได้ไงนั่นเอง
ดังนั้นความลับที่ว่าทำไมดาวเคราะห์ดวงนี้ถูกมีการเรียกชื่อว่าEarth หรือโลก จึงยังคงเป็นความลับอยู่ต่อไปซึ่งยังคงไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหนหรือใครก็ตามแต่ในโลกใบนี้ที่จะสามารถหาคำตอบได้ที่แท้จริง
ได้รับการสนับสนุนโดย ทางเข้า ufabet ภาษาไทย
4
ธ.ค.
2023
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับดวงจันทร์ โดยดวงจันทร์คือดาวเคราะห์ดวงหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นดาวบริวารของโลกแสงของดวงจันทร์นั้นจะส่องมาให้ความสว่างต่อมนุษย์โลกในทุกค่ำคืน
ยังไงก็ตามดวงจันทร์นั้นเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่นอกโลกมันมีความลับของมันซ่อนอยู่สำหรับในบทความนี้เราจะมาพูดถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับดวงจันทร์ที่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนมาดูกันว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับดวงจันทร์นั้นมีอะไรบ้าง
หลายคนอาจจะเคยสงสัยเกี่ยวกับเรื่องของดวงจันทร์ว่าแท้ที่จริงแล้วดวงจันทร์นั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไรซึ่งนักวิทยาศาสตร์เองก็มีความสงสัยเช่นเดียวกันและนักวิทยาศาสตร์ก็มีการมาวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องของการกำเนิดของดวงจันทร์ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อมั่นว่าดวงจันทร์นั้นเกิดขึ้นมาจากการชนกันในอวกาศซึ่งสิ่งที่ชนกันในอวกาศนั้นก็อาจจะเป็นวัตถุขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ในอวกาศชนเข้ากับโรคแล้วเกิดเป็นเศษหินกระจัดกระจายไปทั่วทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์อยู่ใกล้กับโลกของเรานั่นเอง
อย่างไรก็ตามเวลาที่เรามองขึ้นไปบนดวงจันทร์เราจะเห็นว่าดวงจันทร์นั้นเป็นลักษณะของรูปทรงกลม
อย่างที่เราเคยได้ยินคนพูดกันบ่อยๆว่าหน้ากลมเหมือนพระจันทร์แต่อันที่จริงแล้วคุณรู้ไหมว่านักวิทยาศาสตร์ได้มีการไปสำรวจดวงจันทร์มาแล้วและพบว่าดวงจันทร์แท้ที่จริงแล้วมันไม่ใช่รูปทรงกลมอย่างที่เราเข้าใจกันแต่ลักษณะของดวงจันทร์ที่อยู่นอกโลกเราเป็นลักษณะที่แท้จริงของดวงจันทร์นั้นมันมีลักษณะคล้ายกับรูปทรงไข่เลยทีเดียว
นอกจากนี้ดวงจันทร์ยังเป็นดาวบริวารที่มีความใกล้ชิดกับดวงอาทิตย์มากที่สุด ซึ่งนับว่าเป็นดาวเคราะห์ดวงที่ 3 ที่อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์ต่อจากดาวพุธและดาวศุกร์นั่นเอง นอกจากนี้เนื่องจากเส้นผ่าศูนย์กลางของดวงจันทร์นั้นมีการคัดออกมาแล้วเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2159 ไมล์
ดังนั้นจึงทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถสันนิษฐานได้ว่าดวงจันทร์นั้นเป็นดาวบริวารที่ใหญ่อันดับที่ 5 ในระบบสุริยะจักรวาลซึ่งดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะจักรวาลนั้นก็คือดาวพฤหัสบดีและตามด้วยดาว panus ต่อมาก็เป็นดาวไททันและดาวคาลิสโต้และสุดท้ายก็มาที่ดวงจันทร์นั่นเอง
อย่างไรก็ตามเรื่องราวเกี่ยวกับดวงจันทร์ยังมีเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดอย่างเช่นดวงจันทร์นั้นก่อให้เกิดระบบจันทรุปราคาซึ่งโดยปกติแล้วจันทรุปราคานั้นเราจะไม่ค่อยเห็นกันบ่อยมากนักส่วนใหญ่ที่เราเห็นนั้นจะเป็นสุริยุปราคาเสียมากกว่าเพราะในหลายร้อยปีนั้นถึงจะเกิดจันทรุปราคาสักครั้งหนึ่งนั้นเอง
อย่างไรก็ตามเรื่องราวเกี่ยวกับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับดวงจันทร์นะยังมีเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดซึ่งถ้าหากใครสนใจก็สามารถที่จะศึกษาข้อมูลตามหนังสือวิทยาศาสตร์ได้เพราะเรื่องราวเหล่านี้นั้นผู้ที่หาคำตอบได้นั่นก็คือนักวิทยาศาสตร์นั่นเอง
สนับสนุนเนื้อหาจาก ufabet เว็บแม่
3
ธ.ค.
2023
การเกิดหลุมอุกกาบาต สำหรับในบทความนี้เราจะมีการพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องของการเกิดหลุมอุกกาบาตกรณีที่อุกกาบาตนั้นได้มีการพุ่งชนดาวเคราะห์ต่างๆหรือแม้แต่การพุ่งชนดวงจันทร์หรือการพุ่งชนโลกก็ตามลักษณะของการพุ่งชนของอุกกาบาตนั้นจะทำให้เกิดหลุมอุกกาบาตในลักษณะไหนได้บ้าง
สำหรับการพุ่งชนของอุกกาบาตนั้นจะเกิดหลุมอุกกาบาตแบบเต็มรูปแบบใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น
อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเห็นหลุมอุกกาบาตเกิดขึ้นหลังจากการชนไม่กี่วินาทีและปล่อยพลังงานมหาศาลเทียบเท่าหรือมากกว่าแรงของระเบิดนิวเคลียร์ดังนั้นการพุ่งชนของอุกกาบาตขนาดเล็กก็จะเกิดหลุมคล้ายกับชามแต่สำหรับการพุ่งชนของอุกกาบาตขนาดใหญ่นั้น จะทำให้เกิดหลุมรูปร่างซับซ้อนที่มีใจกลางเป็นเนินเขาหรือที่ราบขั้นบันไดเกิดขึ้นเลยทีเดียว
สำหรับลักษณะของการพุ่งชนของอุกกาบาตขนาดใหญ่นั้นเมื่ออุกกาบาตพุ่งชนดวงจันทร์ก็จะเกิดแรงดันมหาศาลหลังจากนั้นก็จะมีการส่งคลื่นกระแทกทำลายล้างบนชั้นหินของพื้นผิวของดวงจันทร์ซึ่งหลังจากนั้นก็จะเกิดหลุมอุกกาบาตชั่วคราวเกิดขึ้นโดยเร็วๆนี้จะมีพลังงานที่ออกมาจากการกระแทกทำให้อุกกาบาตและพื้นผิวที่เป็นหินแตกออกระเหยกลายเป็นไอซึ่งเศษซากต่างๆเหล่านี้ก็จะมีการกระจัดกระจายออกเป็นสารอัคนีรูปกรวยเกิดเป็นหลุมอุกกาบาตลึกลงเพียงชั่วคราวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากที่หลวงปู่บาดลึกลงทะเบียนชั่วคราวเสร็จเรียบร้อยแล้วหลังจากนั้นไม่นานก็จะมีการยุบตัวและคืนรูป
โดยเกิดจากแรงมหาศาลที่เกิดจากการชนสามารถทำให้หินถูกบดและไหลเหมือนของเหลวเพิ่มหลุมก็จะเกิดการยุบตัวและการคืนตัวเหมือนน้ำเกิดเป็นเนินเขาที่กลางหลุม หลังจากนั้นก็จะเกิดหลุมอุกกาบาตที่เสร็จสมบูรณ์ซึ่งหลังจากเกิดหลุมอุกกาบาตบนดวงจันทร์มันจะคงรูปทรงไว้อย่างนั้นจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางธรณีเช่นการเกิดภูเขาไฟหรือหลุมอุกกาบาตที่เก่าแก่ก็มักจะมีหลุมอุกกาบาตใหม่ๆอยู่ภายในเป็นต้น
อย่างไรก็ตามเราสามารถยกตัวอย่างอุบาทว์ที่พุ่งชนโลกได้และเป็นหลุมขนาดใหญ่โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดเป็นหลุมอุกกาบาต badfinger หรือที่เรารู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า อุกกาบาต Meteor ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้มีการสันนิษฐานว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่แรกที่พบหลักฐานการพุ่งชนของอุปกรณ์อุกกาบาตบนพื้นผิวโลกโดยเกิดขึ้นที่รัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งอุกาบาตดังกล่าวนั้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 1 กิโลเมตรและทางนักวิทยาศาสตร์ก็ได้มีการสำรวจพบแล้วว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 50,000 ปีที่แล้ว โดย อุกาบาตได้มีการพุ่งชนผิวโลกด้วยความเร็วประมาณ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและจากการพุ่งชนในครั้งนั้นก็ได้มีการปล่อยพลังงานมากกว่าระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมะมากถึง 1000 เท่าอีกด้วย
สนับสนุนโดย ทางเข้า ufabet มือ ถือ
25
พ.ย.
2023
สำหรับใครที่ศึกษาเกี่ยวกับอวกาศมาจะรู้ดีว่าดาวเคราะห์น้อยรวมถึงดาวหางและอุกกาบาตโดยปกติแล้วสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้เคลื่อนที่ผ่านทางอวกาศด้วยความเร็วสูงดังนั้นพวกมันจึงมีพลังในการทำลายล้างสูงเช่นเดียวกันและเมื่อเกิดการพุ่งชนกับดาวเคราะห์หรือดวงจันทร์ขึ้นหินแข็งจะถูกทำลายทันทีและทิ้งร่องรอยที่เรียกว่าหลุมอุกกาบาตเอาไว้
อุกกาบาตกับการพุ่งชนดวงจันทร์ อย่างไรก็ตามจากการค้นคว้าข้อมูลของนักวิทยาศาสตร์พบว่าการพุ่งชนทำให้เกิดหลุมอุกกาบาตบนพื้นผิวของดาวเคราะห์หินและดวงจันทร์
จำนวนนับไม่ถ้วนดังนั้นดวงจันทร์จึงมีหลุมอุกกาบาตเป็นจำนวนมากและด้วยสภาพแวดล้อมทำให้หลุมอุกกาบาตยังคงสภาพเดิมมาได้หลายพันล้านปีต่างกับโรคที่พบหลุมอุกกาบาตไม่มากนัก
นอกจากนี้ลูกละบาทจำนวนมากบนดวงจันทร์เกิดขึ้นในช่วงแรกของการมีระบบสุริยะตอนที่ดาวเคราะห์ชั้นในระเบิดจากอุกาบาตที่พุ่งชนเนื่องจากพื้นผิวโลกเกิดการกร่อนและมีแรงอื่นมากระทำตลอดเวลา อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าปัจจุบันการพุ่งชนของอุกกาบาตเกิดขึ้นได้ยากแต่ถึงอย่างไรโลกของเราก็ยังมีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดการพุ่งชนอยู่มากเช่นเดียวกัน
สำหรับการพุ่งชนดวงจันทร์นั้นแรงระเบิดของการพุ่งชนของอุกกาบาตไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดเพียงอย่างเดียวแต่มันขึ้นอยู่กับความเร็วของอุกกาบาตด้วยซึ่งโดยปกติแล้วอุกาบาตจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วอยู่ที่ประมาณ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมงดังนั้นเมื่อมันชนกับวัตถุอย่างดวงจันทร์จึงทำให้เกิดพลังงานจนมากถึง 1000 เท่า
ของก้อนหินขนาดเดียวกันที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วของรถยนต์ซึ่งการที่อุกกาบาตพุ่งชนพลังงานจนมหาศาลก็จะถูกเปลี่ยนเป็นความร้อนทำให้หินในบริเวณที่ถูกชนละลายหรือระเหยกลายเป็นแก๊สทันทีนั่นเอง
อย่างไรก็ตามโดยปกติแล้วบริเวณที่เกิดการพุ่งชนจะละลายไปและทิ้งไว้เพียงแค่ร่องรอยของแร่ธาตุที่เป็นองค์ประกอบของอุกกาบาตเช่นแร่ธาตุโซเดียมในบริเวณที่มันพุ่งชนเท่านั้น นอกจากนี้บริเวณชั้นใต้ฝุ่นของพื้นผิวของดวงจันทร์ก็จะพบว่าจะมีชั้นหินที่แตกร้าวจากการพุ่งชนของอุกกาบาต
อีกด้วยอย่างไรก็ตามจากการที่นักวิทยาศาสตร์ได้มีการสำรวจเกี่ยวกับดวงจันทร์จะพบว่าพื้นผิวของดวงจันทร์นั้นจะถูกปกคลุมด้วยฝุ่นละเอียดหนาเป็นชั้นๆที่เกิดจากการพุ่งชนเป็นพันๆครั้งจากอุกกาบาตนั่นเองซึ่งถึงแม้ว่าอุกกาบาตจะมีขนาดเล็กแต่การพุ่งชนของมันแต่ละครั้งก็จะทำให้เกิดหลุมอุกกาบาตซึ่งมีลักษณะรูปร่างคล้ายกับชามโดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณไม่เกิน 4 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตามอย่างที่รู้กันดีว่าอุกาบาตนั้นไม่ได้มีการพุ่งชนเฉพาะแค่ดวงจันทร์เท่านั้นแต่มันยังพุ่งชนดาวเคราะห์ดวงอื่นๆมากมายรวมถึงโลกเองก็เคยถูกอุกกาบาตพุ่งชนเช่นเดียวกัน
สนับสนุนโดย สล็อต ufabet เว็บตรง
22
พ.ย.
2023
การพุ่งชนของอุกกาบาต สำหรับในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องของดาวพุธที่ถูกอุกกาบาตพุ่งชน
โดยสังเกตให้เห็นได้ว่าถ้าหากมีการลงไปสำรวจพื้นผิวของดาวพุธนั้นจะเห็นได้ว่าบนพื้นผิวของดาวพุธนั้นจะมีหลุมมีบ่อทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่อยู่เป็นจำนวนมากและถ้าหากว่ามีการตรวจเกี่ยวกับอุกกาบาตตอนนี้ก็จะเห็นได้ว่าแต่ละกลุ่มนั้นมีระยะเวลาที่แตกต่างกันบางกลุ่มนั้นอายุมากกว่าหลายร้อยล้านปีเราก็มี
อย่างที่เรารู้กันดีว่าดาวพุธนั้นมีก๊าซและฝุ่นละอองต่างต่างเยอะแยะมากมายนอกจากนี้สิ่งที่โดดเด่นมากๆที่เราจะสามารถมองเห็นได้จากดาวพุธนั่นก็คือบนดาวพุธนั้นจะมีเนินคล้ายกับหน้าผาซึ่งเป็นลักษณะของหน้าผาขนาดยาวซึ่งมันมีการก่อตัวขึ้นมานานหลายพันล้านปีมาแล้วโดยถ้าผ่านนี้มีความทอดยาวและคดเคี้ยวและสูงชันเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ยังมีการเกิดเป็นร่องลึกซึ่งจากการวิเคราะห์นั้นก็คือการยืดและหดตัวของหินบนดาวพุธ
เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่หนาวจัดและร้อนจัดนั่นเองอย่างไรก็ตามประเด็นที่เราจะพูดถึงกันในครั้งนี้ก็คือลักษณะของพื้นผิวของดาวพุธที่เรามีการระบุว่ามีลักษณะของผิวขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อเพราะถูกอุกกาบาตพุ่งชนแล้วจะมาพูดถึงลักษณะของอุกกาบาตที่มีการพุ่งชนผิวของดาวพุธ ทางเข้า gclub มือถือ โดยเราจะเห็นเป็นลักษณะเป็นแอ่ง ซึ่งแอ่งดังกล่าวนั้นนักวิทยาศาสตร์เรียกว่าแอ่งแคลอริส
สำหรับแอ่งแคลอริส นั้นหากมองดูจะเห็นได้ว่าเป็นสีดำที่ไม่ใช่ดำสนิท เป็นสีกระดำกระด่าง แอ่งแคลอริส เป็นหลุมที่มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดบนดาวพุธเลยก็ว่า ซึ่งหลุมนี้ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ ซึ่งมีการประมาณคาดการณ์กันว่าหลุมดังกล่าวน่าจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1550 กิโลเมตรเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามการพุ่งชนของอุกกาบาตในแต่ละครั้งจะมีการรุนแรงเป็นอย่างมาก ซึ่งครั้งที่เป็นแอ่งแคลอริส นั้นมีการพุ่งชนที่รุนแรงมาก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ระบุว่าความรุนแรงนั้นถึงขนาดที่ว่าเศษซากของอุกกาบาตกระเด็นไปไกลถึงหนึ่งพันกิโลเมตร ซึ่งมีวัดจากปากหลุมยังไงก็ตามนักวิทยาศาสตร์มีแนวความคิดว่าคลื่นกระแทก
จากการชนของอุกกาบาตที่ชนไปยังดาวพุธนั้นมีทิศมีกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทางแต่หลังจากที่กระจัดกระจายกันแล้วก็จะมาบรรจบกันที่บริเวณหน้าผาบนดาวพุธทำให้ตรงบริเวณจุดนี้จะเกิดเป็นเนินเขาขึ้นซึ่งมีรูปร่างลักษณะที่ค่อนข้างแปลกประหลาดมากเลยทีเดียว
21
พ.ย.
2023
ข้อมูลเกี่ยวกับการสำรวจดวงจันทร์ เชื่อว่าหลายคนคงรู้อยู่แล้วว่ามนุษย์เรานั้นสามารถเคยขึ้นไปเหยียบบนดวงจันทร์กันมาแล้วดังนั้นในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องของการสำรวจดวงจันทร์โดยยานอวกาศที่ถูกส่งไปสำรวจดาวที่อยู่ใกล้กับโรคมากกว่าวัตถุอื่น
ที่อยู่ไกลออกไปในระบบสุริยะและดวงจันทร์ก็เป็นเพียงดวงดาวดวงเดียวที่มนุษย์เคยไปเหยียบนอกจากพื้นโลก
ยานอวกาศใช้เวลาในการเดินทางจากโลกไปถึงดวงจันทร์ประมาณ 4 วันด้วยกันและได้ทำการสำรวจตามแผนที่วางไว้ด้วยหุ่นยนต์สำรวจซึ่งที่ผ่านมามีภารกิจสำรวจดวงจันทร์มากกว่า 100 ภารกิจและเคยมียานอวกาศลงจอดมากกว่า 40 ลำพื้นที่ที่ลงจอดคือจุดที่แสดงบนผืนภาพซึ่งทางนักวิทยาศาสตร์เองได้มีการเก็บเป็นข้อมูลเอาไว้
อย่างไรก็ตามเนื่องจากว่าผิวดวงจันทร์นั้นค่อนข้างเป็นอย่างมากดังนั้นการใช้ยานอวกาศลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์จึงทำได้ค่อนข้างยากซึ่งส่วนใหญ่การลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์นั้นก็มักจะเกิดการชนบนผิวดวงจันทร์และการไปสำรวจดวงจันทร์ครั้งแรกเกิดขึ้นในช่วงปีคริสตศักราช 1959 ส่วนการลงจอดที่นุ่มนวลเป็นครั้งแรกบนดวงจันทร์นั้นเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1966
และหลังจากนั้นอีก 3 ปีต่อมาประเทศสหรัฐอเมริกาได้ส่งยานอพอลโล 11 ไปทำการสำรวจบนดวงจันทร์และทำภารกิจบนดวงจันทร์ซึ่งมีมนุษย์ 2 คนขึ้นไปด้วยและกลับมาบนโลกได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย
ยานอวกาศส่วนใหญ่ที่ถูกส่งไปยังดวงจันทร์นั้นเป็นการทำธุรกิจที่มีความคล้ายคลึงกันเช่นยันต์เลสเตอร์ของสหรัฐอเมริกาที่ส่งขึ้นไปเพื่อทำภารกิจทั้งหมด 9 ภารกิจแต่ทำสำเร็จเพียงแค่ 3 ภารกิจในช่วง 20 ปีแรกของการสำรวจดวงจันทร์เป็นเพียงการแข่งขันเพื่อการขยายพื้นที่ทางอวกาศและอำนาจทางการเมืองระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีโครงการเรนเจอร์ซึ่งโครงการนี้ก็เป็นโครงการของประเทศสหรัฐอเมริกาโดยโครงการนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1960 ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อลงจอดบนดวงจันทร์แต่เพื่อชนกระแทกก่อนที่จะชนกระแทกก็ได้ส่งภาพถ่ายบนพื้นผิวดวงจันทร์ที่น่าทึ่งกลับมายังโลกเพื่อให้เห็นว่าบนดวงจันทร์นั้นมีหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่นอกจากนี้ยังมีหลุมเล็กๆภายในอีกเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด
นอกจากนี้ยังมีโครงการของ runo Hot และโครงการอะพอลโลของประเทศรัสเซียที่มีการส่งยานอวกาศไปสำรวจบนดวงจันทร์อีกด้วย อย่างไรก็ตามไม่ใช่เพียงสหรัฐอเมริกาและประเทศรัสเซียเท่านั้นที่มีการส่งยานอวกาศไปสำรวจดวงจันทร์เพราะประเทศจีนเองก็เคยมีการส่งยานอวกาศไปสำรวจดวงจันทร์เช่นเดียวกันโดยเป็นการสำรวจในปีค.ศ 2013 ซึ่งถือเป็นการสำรวจดวงจันทร์ครั้งแรกของประเทศจีนและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
สนับสนุนโดย ufabet เว็บตรง
20
พ.ย.
2023
ดวงจันทร์เกิดขึ้นได้อย่างไร นักวิทยาศาสตร์มีทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับการกำเนิดของดวงจันทร์ซึ่งส่วนใหญ่แล้วนักวิทยาศาสตร์มักจะคิดว่าพวกมันเกิดมาจากดาวเคราะห์ขนาดเล็กชนกับโลกในตอนที่โลกยังอายุน้อยๆประมาณ 4500 ล้านปีก่อนและแน่นอนว่านักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าแรงกระแทกที่เกิดขึ้นนั้น
จะทำลายดาวเคราะห์ขนาดเล็กและทำให้เกิดแกนโลกพลิกกลับขั้วเศษเล็กเศษน้อยจากการชนกระจัดกระจายสู่อวกาศและก่อตัวเป็นแม่เมื่อเวลาผ่านไปแถวนั้นก็มารวมกลุ่มกันอีกครั้งหนึ่งแล้วถือกำเนิดกลายเป็นดวงจันทร์นั้นเอง
สำหรับดวงจันทร์นั้นมันจะอยู่ใกล้และสว่างจนเรามองเห็นในเวลากลางวันได้ซึ่งดวงจันทร์นั้นเป็นวัตถุเดียวในอวกาศที่เรามองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเนื่องจากว่ามันมีขนาด 1 ใน 4 ของโลกทำให้มันเป็นดาวบริวารที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาดาวบริวารด้วยกันในระบบสุริยะ
ซึ่งดวงจันทร์มันใหญ่ที่สุดและสว่างที่สุดบนท้องฟ้าตอนกลางคืนนอกจากนี้พื้นผิวของดวงจันทร์นั้นยังมีหลุมอุกกาบาตมากมายที่มองเห็นด้วยกล้องส่องทางไกลหรือว่ากล้องโทรทัศน์
อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าดวงจันทร์นั้นถือกำเนิดก่อตัวขึ้นมาเมื่อประมาณ 4500 ล้านปีก่อนแต่พื้นผิวนั้นแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยในเวลาพันล้านปีที่ผ่านมาสำหรับพื้นผิวบนดวงจันทร์นั้นจะเป็นพื้นที่ราบใกล้กับทะเลมืดซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามันเกิดจากการปะทุของลาวาที่ไหลท่วมเมื่อประมาณ 3000 ล้านปีก่อน
ดังนั้นพื้นที่บริเวณรอบๆพื้นที่เหล่านี้จึงเป็นที่ราบสูงบนดวงจันทร์ที่มีเนินเขาและหุบเขาเก่าแก่มากมายที่เต็มไปด้วยเศษอุกกาบาตนับไม่ถ้วนนั่นเอง
สำหรับข้อมูลที่นักวิทยาศาสตร์ได้มีการค้นพบอีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับดวงจันทร์ก็คือดวงจันทร์จะหมุนรอบโลก 1 รอบโดยใช้ระยะเวลา 2732 วันและดวงจันทร์นั้นมีมวล 0.1 67 เท่ากับของโลกนอกจากนี้ระยะทางระหว่างดวงจันทร์กับโลกนั้นก็ห่างกันถึง 385000 กิโลเมตรเลยทีเดียวและที่สำคัญเส้นผ่าศูนย์กลางของดวงจันทร์เฉลี่ยอยู่ที่ 3474 กิโลเมตรนั่นเอง
อย่างไรก็ตามสำหรับดวงจันทร์แล้วประกอบไปด้วยแกนชั้นในตามด้วยแกนชั้นนอกและต่อด้วยเนื้อดวงจันทร์ชั้นล่างตามด้วยเนื้อดวงจันทร์และเปลือกซึ่งแต่ละส่วนนั้นก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป
ข้อมูลสำหรับนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบอีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับดวงจันทร์ก็คือดวงจันทร์หมุนรอบตัวเองและใช้เวลาพอๆกับการโคจรรอบโลกดังนั้นเราจึงมองเห็นเพียงด้านไกลของดวงจันทร์เสมอ นอกจากนี้แรงโน้มถ่วงบนดวงจันทร์จะค่อนข้างอ่อนกว่าแรงโน้มถ่วงของโลกมากเพราะดวงจันทร์มีมวลน้อยดังนั้นเมื่อมีนักบินอวกาศไปเดินอยู่บนดวงจันทร์ก็มักจะมีน้ำหนักแค่ 1 ใน 6 ของน้ำหนักบนโลกและนักบินอวกาศเหล่านั้นก็จะสามารถกระโดดได้สูงกว่าการกระโดดบนโลกถึง 6 เท่าทำไมได้สวมชุดอวกาศที่ถ่วงน้ำหนักเอาไว้
สนับสนุนโดย. เว็บพนันออนไลน์ ฟรีเครดิต
19
พ.ย.
2023
องค์ประกอบของโลก หากพูดถึงโลกที่เราอาศัยอยู่นี้จะมีองค์ประกอบที่สำคัญถึง 6 ส่วนด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วยกากันโลกชั้นในและแก่นโลกชั้นนอกรวมถึงเนื้อโลกและเปลือกโลกนอกจากนี้ยังมีส่วนที่เป็นมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศนั่นเอง ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาพูดถึงรายละเอียดของส่วนต่างๆของโลกว่ามีองค์ประกอบหรือมีลักษณะเป็นอย่างไรบ้าง
สำหรับแก่นโลกชั้นในนั้นจะมีลักษณะเป็นโลหะแข็งความดันที่สูงมากจะทำให้เหล็กและนิกเกิลมีสถานะเป็นของแข็ง
แม้ว่าจะมีอุณหภูมิสูงถึง 6000 องศาเซลเซียสก็ตาม นอกจากนี้ส่วนที่เป็นแก่นโลกชั้นนอกนั้นจะเป็นส่วนที่อยู่ลึกลงไปจากผิวโลกซึ่งมีความลึกอยู่ที่ประมาณ 30 กิโลเมตรเป็นแก่นโลกชั้นนอกที่ประกอบไปด้วยเหล็กขาวร้อนและนิกเกิลโดยบริเวณนี้จะเป็นโซนที่มีความร้อนมากชั้นนอกมีลักษณะ 18 และไหลวนการไหลวนนี้จะทำให้เกิดสนามแม่เหล็กโลก
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงในส่วนที่เป็นของเนื้อโลกนั้นบริเวณนี้จะอยู่ลึกลงไปจากเปลือกโลกประมาณ 2,900 กิโลเมตรเป็นชั้นหินที่หนาหรือที่เราเรียกกันว่าเนื้อโลกซึ่งบริเวณนี้ความร้อนจากแก่นโลกจะทำให้หินในเนื้อโลกหลอมเหลวเป็นหินหนืดและเคลื่อนตัวอย่างช้าๆการเคลื่อนตัวนี้จะทำให้เปลือกโลกที่อยู่ด้านบนเคลื่อนที่ซึ่งเป็นแบบนี้มานานมากกว่าล้านปีแล้ว
สำหรับบริเวณส่วนที่เป็นเปลือกโลกนั้นเป็นส่วนนอกสุดของโลกที่เป็นของแข็งและมีความหนาเพียงไม่กี่สิบกิโลเมตร
โดยบริเวณนี้เป็นบริเวณที่หนาเป็นเปลือกโลกภาคพื้นทวีปส่วนบริเวณที่บางเป็นเปลือกโลกใต้มหาสมุทรอย่างไรก็ตามถัดจากเปลือกโลกใบนั้นเราก็จะเจอกับมหาสมุทรซึ่งโลกนั้นถือว่าเป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวที่มีหน้าที่เป็นของเหลวปริมาณมากบนพื้นผิวจึงทำให้มีสิ่งมีชีวิตสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้บนมหาสมุทรนี้มีน้ำปริมาณร้อยละ 97 นอกนั้นเป็นน้ำที่อยู่ในอากาศแม่น้ำทะเลสาบและน้ำแข็ง
อย่างไรก็ตามนอกจากชั้นมหาสมุทรแล้วชั้นนอกสุดก็คือชั้นของบรรยากาศซึ่งชั้นนี้จะเป็นชั้นที่ห่อหุ้มช่วยปกป้องโลกจากอวกาศมีองค์ประกอบเป็นแก๊สไนโตรเจนร้อยละ 78 และยังมีแก๊สออกซิเจนร้อยละ 21 รวมถึงมีแก๊สอื่นๆเพียงเล็กน้อยยกตัวอย่างเช่นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นสัดส่วนคงที่ที่มีมานานมากกว่า 200 ล้านปีมาแล้ว
อย่างไรก็ตามสำหรับชั้นบรรยากาศของโลกนั้นมีทั้งหมด 5 ชั้นด้วยกันแต่มีเพียงชั้นล่างสุดเท่านั้นที่มีเมฆและอากาศที่สามารถใช้ในการหายใจได้ดังนั้นนักบินส่วนใหญ่จะเบนอยู่ในชั้นสตราโทสเฟียร์เพราะไม่มีเมฆคอยปกบันวิสัยทัศน์ชั้นบรรยากาศไม่มีขอบเขตแบ่งชั้นที่ชัดเจนส่วนขอบเขตระหว่างชั้นบรรยากาศกับอวกาศอยู่ในชั้นเทอร์โมสเฟียร์ที่สูงจากพื้นดินขึ้นไปประมาณ 100 กิโลเมตร
สนับสนุนโดย สล็อต ufabet เว็บตรง
16
พ.ย.
2023
ดาวเคราะห์ที่มีสภาพที่ใกล้เคียงกับโลก สำหรับในระบบสุริยะจักรวานของเรานั้น นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่ามีดาวเคราะห์อยู่เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้มีการลองสำรวจว่าดาวเคราะห์ดวงไหนที่มีความเหมือนหรือมีความใกล้เคียงกับโลกบ้าง โดยในขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ได้มีการค้นหาจนเจอกับดาวเคราะห์ที่มีจำนวนมากกว่า 4500 ดาวงแล้วในระบบสุริยะจักรวานนี้
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะมีการค้นพบดาวเคราะห์เยอะแยะมากมาย แต่ไม่ใช่ว่าดาวเคราะห์ทุกดวงจะทำให้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้
ซึ่งผลจากการสำรวจของนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าในตอนนี้ที่ค้นพบดาวเคราะห์ประมาณ สี่พันห้าร้อยดวงนั้นมีแค่ประมาณ ยี่สิบสี่ดวงเท่านั้นที่มีสภาพใกล้เคียงกับโลกพอที่จะให้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้
ซึ่งในบทความนี้เราจะมายกตัวอย่างดาวเคราะห์บางดวงให้ทราบกัน สำหรับในบทความนี้ จะยกตัวอย่างเช่น ดาวทีการ์เด้นบี ดาวแคปเลอร์-1639 บี และดาว แอลเอชเอส 1140 บี เป็นต้น
ทีการ์เด้น B เป็นดาวเคราะห์นอกระบบที่โคจรรอบดาวเคราะห์แดงซึ่งห่างจากระบบสุริยะประมาณ 12 ปีแสง
โดยปกติแล้วดาวเคราะห์แดงจะสามารถปล่อยแสงปะทุที่สามารถพัทยาชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์ในวงโคจรของมันออกไปได้
จะได้หลักดวงนี้ค่อนข้างสงบและเยือกเย็นที่ Garden b มีมวลเกือบเท่ากับโลกมันเดินทางรอบวงโคจรได้สมบูรณ์ในเวลาแค่ประมาณ 5 วันใช้คุณเข้าใจถูกแล้ว 1 ปี บนทีการ์เด้น B ใช้เวลาน้อยกว่า 1 สัปดาห์บนโลกซะอีก
แคปเลอร์ -1638 บี ดาวเคราะห์ที่มีต่อสิ่งมีชีวิตที่ใกล้ที่สุดคือ แคปเลอร์ -1638 บี มันอยู่ในกลุ่มดาวหงส์ซึ่งอยู่ห่างจากเราไปเกือบ 30 ปีแสงเมื่ออยู่ในชั้น Super ซึ่งมีขนาดกว้างกว่าโลกของเรา 2 เท่าและมีน้ำหนักมากกว่าโลกของเราสี่เท่าอย่างนั้นแรงโน้มถ่วงของมันจะมีความแข็งแกร่งมากถึงแม้แต่การกระโดดธรรมดาธรรมดาก็จะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับคุณรหัสดาวเคราะห์นี้มีสิ่งมีชีวิตอยู่จริงๆมันจะเคยชินกับสภาพแวดล้อมแบบนี้
แอลเอชเอส 1140 บี ดาวเคราะห์ดวงนี้มีหินและของแข็งประกอบอยู่เป็นจำนวนมาก และขนาดของมันจะใหญ่กว่าโลกเพียง 40 เปอร์เซ็นต์แต่เมื่อกลับมีมวลหนักมากกว่าโลกถึง 7 เท่าและมีแรงดึงดูด 3.2 5g ซึ่งเทียบได้ด้วย ถ้าหากคุณขึ้นเครื่องบินตัวของคุณจะมีน้ำหนักเกินไป 1.5 G ดังนั้นบนดาวเคราะห์นี้คุณ จึงแทบจะยืนทรงตัวไม่อยู่
ด้วยความที่มันมีมวลมากดาวเคราะห์ดวงนี้จะมีบรรยากาศที่หนาขึ้น ปรากฏการณ์เรือนกระจกอุณหภูมิชองมันอาจมีสูงกว่าลบ 7 องศาเซลเซียส แล้วมันสามารถหมุนรอบวงโคจรได้ในเวลาอันสั้นโดยใช้เวลาเพียงแค่ 24 วันเท่านั้น
สนับสนุนโดย ดูบอลสด
14
พ.ย.
2023
คุณรู้หรือไม่ว่าสมองของไอสไตน์ เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักอัลเบิร์ตไอน์สไตน์กันเป็นอย่างดีเนื่องจากว่าเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากและเขาเป็นบุคคลที่ถือว่าฉลาดติดอันดับต้นๆของโลก
เรียกได้ว่าเขาเป็นบุคคลอัจฉริยะเลยก็ว่าได้ซึ่งคุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมไอสไตน์ถึงมีมันสมองที่ฉลาดกว่าบุคคลทั่วไปสมองของไอสไตน์และมีความแตกต่างจากสมองของคนทั่วไปอย่างไรซึ่งในบทความนี้เราจะมาหาข้อมูลและมาทำการวิเคราะห์กัน
อย่างไรก็ตามคุณรู้หรือไม่ว่าหลังจากที่ ไอสไตน์ ได้เสียชีวิตลงนั้นเขาก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีด้วยหลังจากที่เขาตายไปยังไม่เกิน 8 ชั่วโมงนายแพทย์ก็ได้มีการผ่าเอาสมองของไอสไตน์ออกมาเพื่อดูว่าสมองของเขานั้นมันแตกต่างจากสมองของคนทั่วไปอย่างไรจึงจะสามารถได้ข้อพิสูจน์เกี่ยวกับเรื่องของความแตกต่างของสมองของไอสไตน์และสมองของคนทั่วไปนั่นเอง
อย่างไรก็ตามหากใครที่มีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของชีววิทยาจะทราบเกี่ยวกับเรื่องของการทำงานของระบบสมอง
ซึ่งสมองของคนเรานั้นแบ่งออกเป็นหลายส่วนทั้งสมองส่วนหน้าสมองส่วนกลางและสมองส่วนหลังซึ่งสมองแต่ละส่วนนั้นก็จะมีหน้าที่แตกต่างกันออกไปอย่างเช่นสมองส่วนที่ควบคุมเกี่ยวกับเรื่องของอารมณ์ระบบประสาทต่างๆไม่ว่าจะเป็นความดันอุณหภูมิร่างกายความหิวความง่วงทั้งหมดก็จะอยู่ภายใต้การควบคุมของสมองส่วนที่เรียกว่าไฮโปทาลามัสนั่นเอง
หรือถ้าหากว่าเกี่ยวกับเรื่องของความจำความรู้ต่างๆก็จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของเซรั่มหรือแม้แต่กล้ามเนื้อการสั่งการเรื่องของการกินอาหารการเคี้ยวอาหารการได้รสกลิ่นเสียงต่างๆก็จะมีส่วนอื่นๆที่เข้ามาดูแลดังนั้นความแตกต่างของสมองของไอสไตน์และสมองของคนเราก็จะแตกต่างจากสมองส่วนนี้
เพราะไอน์สไตน์นั้นจะมีสมองส่วนที่เป็นอัลบั้มซึ่งเป็นสมองส่วนที่มีความรู้ความจำความเข้าใจเป็นอย่างดีนั้นใหญ่กว่าสมองส่วนอื่นๆของร่างกายนั่นเองทำให้เขามีความจำเป็นเลิศมีความฉลาดมากกว่าคนธรรมดาทั่วไปนั่นเอง
อย่างไรก็ตามสมองทุกส่วนเนื้อมีความสำคัญต่อร่างกายทั้งหมดถ้าหากว่าสมองส่วนใดส่วนหนึ่งนะสูญเสียหรือไม่ครบประกอบชำรุดก็จะทำให้บุคคลดังกล่าวนั้นกลายเป็นบุคคลที่ไม่สมประกอบก็เป็นไปได้เช่นสมองส่วนที่สั่งการเกี่ยวกับเรื่องของการกินอาหารการแสดงกล้ามเนื้อใบหน้าหรือการได้กลิ่นการรับรสถ้าสมองส่วนนี้มีปัญหาบกพร่อง
ก็อาจจะทำให้การเคี้ยวอาหารการกินอาหารทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพหรืออาจจะกินอาหารไม่ได้เลยก็เป็นไปได้จะต้องมีการกินอาหารผ่านทางสายยางหรือถ้าเกิดว่าสมองส่วนที่เป็นไฮโปทาลามัสมีความบกพร่องก็จะทำให้ร่างกายนั้นไม่แข็งแรงมีอาการหงุดหงิดง่ายเป็นต้น
สนับสนุนเนื้อหาโดย สล็อต ufabet แตกง่าย