ในการอาศัยอยู่ร่วมกันบนดาวดวงเล็กๆที่ชื่อว่าโลกใบนี้  น้ำที่กินได้ หรือที่เราเรียกว่าน้ำจืดนั้น คือสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุดในโลก  มีหลาย ประเทศที่ต้องเจอกับภาวะขาดแคลนน้ำดื่ม และในตอนนี้หลายประเทศกำลังค้นหาแหล่งทรัพยากร หรือแหล่งน้ำจืดใหม่ๆ 

        อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้ เพิ่งมีผู้ค้นพบทางแก้ปัญหาซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้มหาสมุทร  มีผู้ค้นพบแหล่งกักเก็บน้ําจืดใต้ทะเล  ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1970

นักวิทยาศาสตร์สำรวจพื้นทะเลและสแกนหาสิ่งที่อยู่ข้างใต้แล้วบังเอิญสะดุดเข้ากับแหล่งที่บรรจุน้ำที่มีความเค็มน้อย มันไม่ถึงกับอยู่ในระดับที่ดื่ม ได้แต่ระดับของเกลือในนั้นน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของน้ำทะเลเหนือแอ่ง

          น้ำจืดไม่ได้มีแต่บนพื้นดิน ถึงอย่างนั้นนักวิจัยก็ไม่ได้คิดอะไรนอกจากรู้สึกสงสัยพวกเขาไม่รู้ว่าแอ่งนั้นลึกหรือยาวแค่ไหน แล้วพวกเขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจอีกเลยนานกว่า 40 ปี ความสนใจในประเด็นนี้เกิดขึ้นมาอีกครั้ง ปี 2015 เมื่อกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่นำโดยนักธรณีวิทยาทางทะเล  โคลอี้ กุสตาฟซอน ตัดสินใจทำการวัดหนึ่งในแอ่งนั้นที่อยู่นอกชายฝั่งสหรัฐอเมริกา เขาใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อหาดูว่ามีน้ำจืดซ่อนอยู่ใต้มหาสมุทรมากแค่ไหนกันแน่

       น้ำทะเลใช้นำไฟฟ้าได้ดีกว่าน้ำจืด ดังนั้นกระบวนการนี้ก็ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่าง   สิ่งที่  ufabet   พวกเขาค้นพบก็น่าประหลาดใจที่เดียว ปรากฏว่าแห่งซึ่งเคยคิดว่าแค่เล็กๆและแยกออกมา กลับ ยืดยาวไปไกลหลายไมล์ใต้พื้นมหาสมุทรและยังลึกลงไปทางชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอีกด้วย

         นักวิทยาศาสตร์อ้างว่าแหล่งกักเก็บน้ําจืดนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 217 ไมล์ แผ่ขยายตั้งแต่รัฐเดราวาทางใต้ไปจนถึง รัฐเมซาซุเซสทางเหนือ  นอกจากนี้ ด๊อกเตอร์ โคลอี้ กุสตาฟซอน  ยังบอกอีกว่าผลที่ได้นั้นยังไม่แล้วเสร็จเครื่องตรวจวัดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไม่ได้เที่ยงตรงและยังไม่สามารถบอกความลึกของแบ่งชั้นใต้ดินนี้ได้

             ดังนั้นนี่จึงน่าอัศจรรย์ใจแหล่งกักเก็บน้ำอาจใหญ่และลึกยิ่งกว่าผลการสำรวจได้บอกไว้ แต่แม้กระทั่งตอนนี้แหล่งเก็บน้ำใต้ทะเลนี้มันจะใหญ่กว่าแอ่งเก็บน้ำ น้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดบนฝั่ง  โคลอี้ กุสตาฟซอน และผู้ร่วมงานของเธอแน่ใจมาก ว่าแหล่งน้ำของชายฝั่งแอตแลนติกไม่ใช่แค่ที่เดียวในโลก   สถานที่อื่นอาจจะมีแหล่งเก็บน้ำจืดแบบนี้อีก ถึงแม้จะยังหาไม่พบ  

          สาเหตุที่มีแหล่งน้ำจืดใต้ทะเลนั้นอาจมาจากเมื่อหลายแสนปีที่แล้ว  ดาวของเราปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ซึ่งก็คือยุคน้ำแข็ง เมื่อเวลาผ่านไปแล้วอุณหภูมิก็สูงขึ้นจนถึงระดับที่น้ำแข็งละลาย เมื่อเป็นแบบนั้นน้ำจืดหรือสารประกอบที่ใกล้เคียงที่สุดเริ่มไหลไปทั่วบริเวณเติมเต็มทุกรอยแยกรอยแตกที่ร่องมหาสมุทร น้ำจำนวนมากไหลลงไปในร่องมหาสมุทรดังกล่าวและถูกกักอยู่ใต้เปลือกโลก ดังนั้นหากน้ำบนพื้นผิวบนโลกเหลือน้อย เราก็สามารถหาน้ำจืดจากใต้มหาสมุทรมาใช้ทดแทนได้

Comments are closed.