9
มิ.ย.
2021
สถานที่ลึกลับต่างๆมากมายแน่นอนว่า มันไม่ได้โกรธคุณพ่อกับเป็นลูกของเราแต่ทว่ามันยังเกิดขึ้นกับจักรวาลที่กว้างใหญ่แห่งนี้โดยคุณรู้หรือไม่ว่าจักรวาลกว้างใหญ่แห่งนี้มีสถานที่ลึกลับต่างๆมากมายที่นักวิทยาศาสตร์การพยายามที่จะค้นหาและศึกษามันมีอย่างต่อเนื่องแต่ทว่าอุปกรณ์หรือว่าเทคโนโลยีต่างต่าง

เรามีอยู่มันยังไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นได้แต่ในอนาคตเชื่อได้เลยว่าเมื่อเราอยากจะศึกษาสิ่งที่อยู่ในจักรวาลไม่ว่าจะไกลแค่ไหนมันกลมมีนาเป็นเรื่องที่ยากอีกต่อไปแต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตและในปัจจุบันนี้เราควรจะทำมาที่สุดก็คือเทคโนโลยีต่างๆที่สามารถศึกษาถึงสิ่งต่างๆได้มากกว่าที่เป็นอยู่
หลายอย่างมากมายที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นพวกของเราอย่างนี้สถานที่ลึกลับต่างๆมากมายก็ค้นมาให้เราได้ศึกษามาเป็นข้อถกเถียงกันในด้านของวิทยาศาสตร์ในวันนี้ค่ะที่ลึกลับทั้งนั้นจะไม่ได้จะพูดถึงสถานที่ที่อยู่ในจักรวาลหรอกนะสถานที่ที่เป็นของเรานี่เองซึ่งสถานที่แห่งนั้น ก็มีชื่อว่าเกาะลิทลาดิมัน น้องๆ มอ 6 หลายคนอาจจะรู้สึกอยากจะหนีไปที่ไหนสักแห่งนึง ล้อเล่นค่ะแต่ก็ดีนะ
ถ้ามีเพื่อนเล่นเป็น Wilson เหมือนกับในเรื่องคนหลุดโลกและหากลองมองมุ่งหน้าไปที่นั้นเลยจะดีมันบอกเลยว่าชีวิตจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นแน่นอนเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มตกน้ำทะเล แต่เมื่อไรก็กลางทะเลแห่งนี้ที่อยู่ระหว่างเกาะลอย อยู่ในหมู่เกาะแฟโรเป็นเกาะที่มีขนาดเล็กที่สุดมีพื้นที่เราราว 1 ตารางกิโลเมตรเท่านั้นเนื่องจากทั้งกรอบเป็นพื้นที่ลาดเอียงคล้ายกับสไลเดอร์
จึงทำให้ที่นี่ไม่มีใครอาศัยอยู่เลยแต่บางคนกะว่าจะสามารถให้ไปอยู่ที่นี่ได้รวมถึงนกบางชนิดเองก็มาเป็นแขกของคลินิกถึงจะไม่เหมาะในการอยู่อาศัยแต่ตัวก็มีความโดดเด่นสะดุดตาเพราะบางครั้งส่วนยอดจะถูกปกคลุมไปด้วยเมฆคล้ายกับมันกำลังสวมหมวกอยู่นอกจากนี้ได้ดูหนังเรื่องปกคลุมไปด้วยหิมะเขาพ่นคล้ายกับภูเขาน้ำแข็งอีก
อย่างไรแล้วบนโลกใบนี้ยังมีอะไรอีกมากมายที่เรานั้นยังไม่รู้เกี่ยวกับมัน และในวันนี้เราก็ได้นำเสนอให้ทุกคนได้รู้ไปแล้วหนึ่งสถานที่ แต่มันก็ยังไม่หมดหรอกนะเพราะมันยังมีอะไรอีกมากที่เราควรจะออกไปศึกษา คุณรู้หรือไม่ว่า ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่อยู่บนโลกของเรา หรือว่าสิ่งที่อยู่นอกโลกของเรา ไม่ว่าอะไรก็ตามถ้าหากเราได้ศึกษาเกี่ยวกับมันมันจะเป็นสิ่งที่ดีมากเลย
สนับสนุนโดย ติดต่อ ufabet
1
มิ.ย.
2021
อย่างที่เรานั้นก็ทราบกันเป็นอย่างดีว่าวิทยาศาสตร์นั้น ทำให้เรารับรู้ถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งบนโลกของเรา และในจักรวาลที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ยากสำหรับการสำรวจแต่ละอย่าง เพราะกว่าที่จะสามารถสรุปขอเท็จจริงได้ จะต้องมีการศึกษาให้แน่ชัดเสียก่อน โลกนั้นคือบ้านที่สิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ อาศัยอยู่มากมาย รวมไปถึงมนุษย์อย่างเราด้วย
แน่นอนว่าในยุคแรกโลกของเรานั้น ไม่ได้มีหน้าตาเป็นอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน และสิ่งมีชีวิตบนโลกของเรา ในอดีตนั้นก็ไม่ได้มีหน้าตาเป็นแบบนี้อีกด้วย

สำหรับการศึกษาหรือว่าการสำรวจนั้น จำเป็นอย่างมากที่จะต้องใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้ง่ายต่อการเปรียบเทียบข้อมูล แน่นอนว่านักวิทยาศาสตร์ ก็ไม่ได้นิ่งดูดาย เพราะพวกเขาก็ทำการพัฒนาเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ศึกษาสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ซึ่งในวันนี้เรื่องราวที่เรากำลังจะกล่าวถึง ก็คือการค้นพบซากฟอสซิลโบราณ เรื่อง Dineobellator Notohesperus เมื่อ 70 ล้านปี
ก่อนไดโนเสาร์ที่เราจะกล่าวถึงต่อไปนี้มีนามว่า Dineobellator Notohesperus โดยที่มันเป็นไดโนเสาร์ Dineobellator ซึ่งมันก็คือไดโนเสาร์ที่เคยมีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ 68-70 ล้านปีก่อน และเจ้าไดโนเสาร์ที่ว่านี้ ก็ยังมีจุดเด่นที่สำคัญอยู่ที่ขนาดความยาวตัวเพียง 2 เมตร และสูงแค่ราวๆ 1 เมตรเท่านั้น
สำหรับ จากข้อมูลที่มีการรับรองข้อมูล พบว่า ไดโนเสาร์กลุ่มนี้ มีหลักฐาน เจอตั้งแต่ปี 2008 แต่การค้นพบครั้งแรก เนื่องจาก ชิ้นส่วนของฟอสซิล มีการแยกจากกัน ถึง 20 ชิ้น จึงมีการสรุปถึงสายพันธุ์ที่ผิดพลาด และแจ้งว่า เป็น ไดโนเสาร์ Dineobellator แต่เมื่อมีหลักฐานการค้นพบ ระบุที่ลักษณะเด่นชัด จึงแจ้ง เป็นไดโนเสาร์ Dineobellator ซึ่งมีการอ้างอิงจากลลักษณะของฟอสซิลที่มีการค้นพบนักบรรพชีวิน ก็ได้มีการคาดการณ์เอาไว้ว่ามันคือ Dineobellator Notohesperus นั้นจะทั้งเร็วและแข็งแรงกว่า ไดโนเสาร์สายพันธ์ใกล้เคียงอย่าง Velociraptor
ที่เราเห็นในหนังเสียอีกมีหลักฐาน การค้นพบ ลักษณะสำคัญถึงลักษณะการล่าเหยื่อ คล้ายกับเสือซีต้าร์ เป็นอย่างมาก เป็นการล่าโดยอาศัยการไล่ด้วยความเร็วจากกล้ามเนื้อขาและน่อง เพียงแต่มีจุดที่แตกต่างกันใหญ่ๆ ลักษณะเด่นอีกอย่าง มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนทิศทาง การวิ่งคล้ายเสือซีต้าร์ ที่มันมีอยู่
แต่อย่างไร ก็ตามถึงแม้จะมีชื่อว่าเป็นนักล่าที่ น่ากลัวที่สุด แต่สุดท้ายสัตว์ทุกชนิด ก็มีการพลาดได้เช่นกัน ในการล่าเหยื่อ อย่างไรก็ตามสำหรับการค้นพบซากฟอสซิลของไดโนเสาร์นั้น มันสามารถทำให้เราได้รับรู้ว่าในครั้งอดีตที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ต้องสร้างนวัตกรรมในการตรวจสอบฟอสซิลที่ให้ผลสมบูรณ์ และน่าเชื่อถือในข้อมูล
สนับสนุนโดย วิธีเล่นบาคาร่า ufabet
24
พ.ค.
2021

สำหรับเรื่องราวที่เกี่ยวกับอวกาศนั้น หลายคนมองว่ามันเป็นเรื่องที่ไกลตัวของเรามากเกินไป แต่เปล่าเลย สำหรับในปัจจุบันนี้เรื่องราวเกี่ยวกับอวกาศนั้น เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวของเรามากๆ เลยก็ว่าได้ เพราะด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีต่างให้สามารถสำรวจสิ่งที่เกิดขึ้น ในอวกาศว่ามีอะไรเกิดขึ้นใหม่บ้าง มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง แน่นอนว่าสมันต้องมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นเรื่องธรรมดาเพราะว่า แม้แต่สิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกของเราที่เรานั้นคิดว่ามัน จะไม่มีทางเปลี่ยนไปมันยังเปลี่ยนไปเลย
มนุษย์เรานั้นสามารถทำได้ทุกอย่าง เพื่อสิ่งที่ต้องการจะรู้ และในปัจจุบันนี้มนุษย์นั้น ได้มีการพัฒนาเกี่ยวกับเทคโนโลยีอวกาศมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องที่เราศึกษากัน เป็นอย่างแรกที่เริ่มเกี่ยวกับระบบสุริยะของเรา สำหรับระบบสุริยะนั้น เชื่อเลยว่าหลายคนรู้จักกันเป็นอย่าง เพราะมันเป็นที่ที่โลกของเราอาศัยอยู่ และในวันนี้เราจะพูดถึง เรื่องพื้นผิวที่ร้อนฉ่าของดวงอาทิตย์
สำหรับพื้นผิวของดวงอาทิตย์มันเป็นอะไร ที่วุ่นวายโกลาหนมันเดือดปุดๆ และมีฟองขึ้นมาตลอดเวลา มีแก๊สความร้อนมากมาย แผ่ออกมาจากข้างในแผ่พลังงานเย็นแล้วก็กลับเข้าไปนี้ ในทางวิทยาศาสตร์เรียก ระบบการหมุนเวียนของพลังงานความร้อน ในเท่าที่ทราบมายังไม่เคยมีใครในโลกมนุษย์ ที่สามารถอยู่ใกล้กับพื้นผิวขฤองดวงอาทิตย์ได้
จนกระทั้งเดี่ยวนี้ดาวเทียมดวงใหม่ที่สามารถจับภาพ ภาพที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้คุณนั้นรู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์มากขึ้นทำให้สามารถมองเห็น พื้นผิวของดวงอาทิตย์ที่เรียกว่าโฟโตสเฟียร์ ซึ่งมันก็คือพายุสุริยะ ปรากฏการณ์รุนแรงที่พื้นผิวของดวงอาทิตย์นั้นเอง
ถ้าหากว่าเราสามารถไปตรงนั้นได้ นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า เราน่าจะได้ยินเสียงระเบิดของพลาสมา ซึ่งน่าจะมีความร้อนที่บริเวณพื้นผิว มากเป็นหลายพันองศาเลยที่เดียวและคาดว่า น่าจะมีพายุแม่เหล็กที่มีการสร้างเคลื่อนแม่เหล็กตลอดเวลา สนามแม่เหล็กที่ทรงพลังอย่าง น่าเหลือชื่อ และในบางครั้งเส้นสนามแม่เหล็กเหล่านั้น จะเชื่อมต่อกับจุดร้อนบนพื้นผิวของดวงอาทิตย์
เมื่อแก๊สกับพลาสมาเดือด มันก็น่าจะปล่อยพลังงานความร้อนออกมามหาศาล เกิดเป็นระเบิดส่งลูกไฟออกมา มากมาย เท่าที่เคยเห็น ในกล้องโทรทัศน์กำลังขยายสูงของนาซ่า และสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ที่อยู่ไกลโลก เป็นหลายปีแสงแต่ยังสามารถส่งต่อความร้อนมายังโลกได้ พร้อมส่งพลังงานมายังโลกของเรา และพลังงานความร้อนนี้ ส่งผลประโยชน์ต่อมนุษย์มากมาย แน่นอนว่าเรื่องที่เราได้กล่าวไปนั้นเป็นอะไรเราไม่เคยรู้มาก่อนเลย ทั้งที่มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับระบบสุริยะของเรา
สนับสนุนเรื่องราวโดย Ufabet เข้าสู่ระบบ
18
พ.ค.
2021

คุณว่าจักวารนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวหรือไม่ แน่นอนว่ามันมีความน่ากลัวอยู่ในตัวมันอยู่แล้ว แต่เรื่องที่จะเกิดขึ้นก็มีความแตกต่างกันไป จักรวารนั้นมันใหญ่เอามากๆ จนเรานั้นไม่สามารถที่จะจินตนาการได้เลยว่าจะ มีอะไรซ้อนอยู่บ้าง และในตอนนี้เทคโนโลยีที่เรามีอยู่ก็สามารถที่จะสังเกตเห็นพื้นที่ของจักรวารได้เพียงแค่เกือบ 14,000 พันล้านปีแสง ซึ่งในพื้นที่ ที่ไกลกว่านั้นไม่สามารถที่จะรู้ได้
ในจักรวารนั้นมีเหตุการณ์ที่น่ากลัวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วคนธรรมดาอย่างเราๆ นั้นก็ไม่ได้สนใจที่จะศึกษาเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว อาจจะเป็นเพราะความคิดที่ว่ามันไม่ใช่เรื่องอะไรที่เราจะต้องศึกษาอยู่แล้ว เรามีสถานการณ์โลกกาวินาศมากมาย ซึ่งในหลายวัฒนธรรมเชื่อว่า ภาพจุดจบของโลกนั้น จะเป็นอะไรที่น่าทึ่ง แต่ถ้าว่าเรานั้นต้องเอาชีวิตรอด
จากเหตุการณ์ดังกล่าวให้ได้ก่อนถึงจะมีโอกาสได้เห็นภาพจุดจบดังกล่าว อย่างไรก็ตามสถานการณ์โลกาวินาศที่มีความอันตราย และน่าเชื่อถือได้มากที่สุดนั้นมาจากนักจักรวารวิทยา ที่ได้มีการศึกษาถึงเรื่องนี้และซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Higgs Boson Domsday หรือวันโลกาวินาศ จากอนุภาคฮิกส์โบซอน ซึ่งนักจักรวารวิทยาหลายคนรวมไปถึง Stephen Hawking พวกเขาเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะเกิดขึ้นหรืออาจจะกำลังเกิดขึ้นแล้ว โดยมันจะเริ่มต้นโดยฟองที่เต็มไปด้วยพลังงานของอนุภาคฮิกส์โบซอนที่ผันผวน นักจักรวารวิทยาบางคนคิดว่าสิ่งนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วซึ่งฟองที่เต็มไปด้วย
อนุภาคฮิกส์โบซอนกำลังเดินทางมายังโลกของเราจากส่วนที่มืดมิดของจักรวาร แต่ก็ยังมีหลายคนบอกว่าสิ่งนี้ถือเป็นอนาคตที่ดี แต่ถ้าว่าโลกของนั้นก็อาจจะหายไปจากจักรวารนานแล้ว ก่อนที่มันจะมาถึง เพราะกว่าที่เหตุการณ์นี้จะมาถึงโลกของเราให้เราได้เห็นนั้น โลกของเราก็คงจะไม่อยู่แล้วเพราะมันอาจจะหายไปจากการที่ดวงอาทิตย์ระเบิด หรือการที่ถูกดาวเคราะห์หรือวัตถุนอกโลกมาพุ่งตรงเข้ามาชนกับโลกเข้าอย่างจังจนทำให้สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่บนโลกหายไป
แต่ถึงแม้ว่าเรานั้นจะไม่สามารถที่จะได้เห็นวันโลกาวินาศ จากอนุภาคฮิกส์โบซอน และเราก็คงจะไม่ได้เห็นวันที่ดวงอาทิตย์ระเบิดอีก เพราะกว่าที่เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นเราก็คงจะตายแล้วเกิดใหม่อีกเป็นสิบๆ รอบเลยก็ว่าได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นธรรมชาติที่ได้สร้างและได้มีการกำหนดไว้แล้วซึ่งเราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้
สนับสนุนโดย แทงบอลออนไลน์ ภาษาไทย
12
พ.ค.
2021

หลายๆ คนรู้ๆ กันดีว่าในระบบสุริยะของเรานี้มีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมามากมาย คุณรู้หรือไม่ว่าในระบบสุริยะของเรานั้นนอกจากมันจะประกอบไปด้วยดาวเคราะห์ทั้งหมดแปดดวงแล้ว
นอกจากนี้มันยังดาวเคราะห์แคระ ดาวหาง ดาวเคราะห์น้อย และวัตถุต่างๆ อีกมากมาย คุณรู้หรือไม่ว่าในระบบสุริยะที่เราคุ้นเคยกันดี และได้ยินกันบ่อยๆ นี้ คุณแน่ใจหรือว่าคุณรู้จักมันดีพอแล้ว ถึงแม้ว่าระบบสุริยะนี้เราจะคุ้นเคยแค่ไหน แต่รับรองได้เลยว่าคุณยังรู้จักมันทั้งหมดแน่นอน
มีบางอย่างที่เกิดขึ้นมามากมาย โดยที่บางที่เราก็รู้จักและไม่รู้จัก สิ่งที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ บางทีอาจจะไม่เป้นความจริงก็ได้ แต่บางเรื่องที่เราไม่เคยได้ยิน แต่เรากลับเชื่อจนสนิทใจกับสิ่งที่เราพึ่งได้ยินเป็นครั้งแรก ถึงแม้ว่าสิ่งที่ได้ยินมาจะมาจากบุคคลที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยก็ตาม ดาวเคราะห์ต่างมากมมายในระบบสุริยะของเรานี้
มีทั้งดวงที่เราสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีอยู่จริง แต่บางดวงก็เป็นเพียงดาวที่มีการสมมติขึ้นมาเท่านั้น นิบิรุเป็นหนึ่งในดาวสมมติที่มีความเชื่อกันว่ามันอาจจะแอบซ้อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง ในระบบสุริยะของเราและในขณะที่องค์การนาซ่าบอกว่ามันไม่ได้มีอยู่แต่นักทฤษฏีสมคบคิด ก็ยังเชื่อว่ามันมีอยู่จริง และมันยังจะพุ่งชนเข้ากับโลก
ซึ่งมีคนบางกลุ่มเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริงในช่างศตวรรษที่ 21 สำหรับในกรบันทึกนั้นนิบิรุ ได้ถูกเรียกว่าดาวเคราะห์ดาวเคราะห์เอกซ์ ซึ่งนิบิรุได้มีการถูกเสนอครั้งแรกในปี 1976 ในหนังสื่อ THE 12th PLANET ที่ได้มีการถูกเขียนขึ้น
โดย Zecharia Sitchin ซึ่งเขาก็ได้อ้างว่านิบิรุนั้นจะโคจรรอบดวงอาทิตย์ทุกๆ 3,600 ปี ซึ่งหลายปีต่อมาก็ได้มีร่างทรงนามว่า Naucu Lieder เธอได้ประกาศตนเองว่ามนุษย์ต่างดาวได้เตือนเธอว่านิบิรุจะพุ่งชนเข้ากับโลกในปี 2003 และเธอก็ได้เปลี่ยนมาเป็นปี 2012
แต่ถ้ามาว่าจนถึงในตอนนี้ ก็ยังไม่ได้เกิดเหตุการณ์ที่ว่านี้ขึ้นมาแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าในปี 2011 จะมีดาวหาง Elenin พุ่งตรงผ่านโลกของเราไปและได้แตกสลาย หลังจากที่มันได้เข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากเกินไป ซึ่งนักทฤษฏีสมคบคิดเชื่อกันว่าดาวหางดวงนั้นเป็นดาวเคราะห์นิบิรุ ที่โคจรจรเข้ามานเส้นทางที่จะพุ่งชนเข้ากับโลกซึ่งมันก็พลาดไป แต่มันก็จะกลับมาอีกครั้งใน 3,600 ปีข้างหน้า
สนับสนุนโดย gclub มือถือ ทดลองเล่น
5
พ.ค.
2021

อย่างที่รู้ๆ กันดีว่าโลกของเรานั้นอาศัยอยู่ในระบบสุริยะ ที่มีดวงดาวต่างๆ อยู่มากมาย และระบบสุริยะของเราก็เป็นเพียงระบบ ระบบหนึ่งในดาราจักรทางช้างเผือกเท่านั้น ระบบสุริยะที่ว่าเป็นที่อยู่ของโลก ดวงอาทิตย์และดาวบริวารของดวงอาทิตย์นั้นก็คือดาวเคราะห์ในระบบนั้นเอง คุณคิดว่าคุณรู้จักระบบสุริยะของเราดีแค่ไหนกัน ในสิ่งที่คุณรู้อาจจะยังไม่ใช้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับมันก็ได้
หลายๆ คนคิดว่าระบบสุริยะ ดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ดวงต่างๆ ในระบบสุริยะนั้นไม่จำเป็นต้องศึกษาเพิ่มก็ได้ เพราะเรานั้นรู้จักกันดีอยู่แล้วเพราะมันเป็นระบบที่ใกล้ตัวของเราที่สุด แล้วคุณแน่ใจได้อย่างไรว่าคุณรู้จักมันดีมากพอแล้ว แต่อย่าพึ่งได้ใจไปเพราะมันไม่มีอะไรที่แน่นอน โลกของเรา คุณคิดว่าคุณรู้จักมันดีมากพอหรือยัง แน่นอนว่ายังคุณยังไม่รู้จักมันดีมากพอ
แรงโน้มถ่วงนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ที่ทำให้เรานั้นสามารถยืนหรือทำสิ่งต่างๆ บนโลกได้โดยที่เราไม่ลอยออกไปยังอวกาศที่กว้างใหญ่และไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงที่นักบินอวกาศหลายคนจะรู้ศึกว่าไร้น้ำหนักในอวกาศ และพวกเขาก็จะลองลอยได้อย่างอิดสระเฉกเช่นที่เราเคยได้เห็นกันในภาพยนตร์ ราวกับว่าในอวกาศนั้นไร้ซึ่งแรงโน้มถ่วง แต่เมื่อคุณนั้นได้อยู่ในวงโคจรรอบวัตถุที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวคุณนั้นก็จะอยู่ภายใต้อิทธิพลพลของแรงโน้มถ่วงจากที่อื่นเสมอ
ยกตัวอย่างเช่นสิ่งที่เกิดขึ้นบนสถานีอวกาศนานาชาติที่แม้ว่าคุณจะเห็นนักบินอวกาศ และอุปกรณ์ต่างๆ ภายในยานลองลอยได้อย่างอิดสระ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าในระดับความสูง 400 กิโลเมตร ของสถานีอวกาศนานาชาตินั้นไม่สามารถทำให้น้ำหนักของคุณเป็นศูนย์ได้ และถ้าหากว่าเรามีการสร้างตึกสูง 400 กิโลเมตร สูงขึ้นไปบนอวกาศแล้วลองชั่งน้ำหนักดูเราจะพบว่าน้ำหนักของเราไม่ได้แตกต่างไปจากบนโลกเท่าไหร่เลย แถมเรายังจะสามารถที่จะเดินหรือยืนได้อย่างปกติเฉกเช่นกับที่เรานั้นยืนอยู่บนผิวโลกของเรา
ด้วยความสูงที่ระดับ 400 กิโลเมตร แรงโน้มถ่วงนั้นจะลดลงไปเพียง 13% เท่านั้น ซึ่งไม่ได้ทำให้เราลอยได้ แต่ทำไมนักบินอวกาศนานาชาติที่อยู่บนยานอวกาศถึงอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนัก และคำตอบที่ได้ก็คือการที่เรายืนอยู่บนอาคาร อาคารมันอยู่นิ่งๆ แต่กลับกันสถานีอวกาศกำลังโคจรรอบโลก
ถ้าจะพูดให้เห็นภาพก็คือการที่สถานีอวกาศโคจรรอบโลกก็เปรียบเหมือนกับลิฟต์ที่กำลังตกลงมา และถ้าหากเราขึ้นลิฟต์แล้วเกิดสะลิงขาดช่วงเวลาก่อนที่เราจะถึงพื้นเราและลิฟต์ จะตกลงมาพร้อมกันซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวนั้นทำให้เราไม่ถูกแรงโน้มถ่วงดึงให้ติดกับผนังหรือพื้นด้านใดด้านหนึ่งนั้นเอง
สนับสนุนโดย. ufabet
29
เม.ย.
2021

หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ในอดีต จนถึงปัจจุบันมันมีบางสิ่งที่เรานั้นสามารถค้นหาคำตอบเกี่ยวกับการเกิดหรือการมีอยู่ของมันได้ แต่ก็มีอยู่หลายสิ่งเช่นเดียวกันที่เราไม่สามารถบอกได้ว่า มันคืออะไรกันแน่ มันเกิดขึ้นมาได้อย่าง แต่ก็ใช่ว่าเมื่อไม่รู้และยังหาคำตอบไม่ได้แล้วจะมีการหยุดศึกษา แต่เปล่าเลยยิ่ง สิ่งนั้นหาคำตอบยาก แต่ไหนมันยิ่งเป็นสิ่งที่บอกว่าพกเรานั้นไม่ได้เก่งที่สุด ดังนั้นจึงต้องพยายามค้นหาคำตอบให้เจอเร็วๆ
แน่นอนว่ามีหลายๆ คนที่รู้จักดาวเคราะห์ที่มีวงแหวน ที่อยู่ในระบบสุริยะของเราอย่างแน่นอน เพราะพวกมันเป็นอะไรที่น่าศึกษาเป็นอย่างมาก สำหรับดาวเคราะห์ที่มีวงแหวนในระบบสุริยะ ของเรามีอยู่สองดวงด้วยกันคือ ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์ ซึ่งวงแหวนของพวกมัน ยังเป็นสิ่งที่น่าทึ้งเอามากๆ อีกด้วย ในระบบสุริยะที่ว่ายังมีอีกสิ่งที่เราควรจะรู้จัก นั่นคือ Asteroid Belt
หรือก็คือแถบดาวเคราะห์นั่นเอง ซึ่งแถบดาวเคราะห์ที่ว่ามันจะทำหน้าที่แยกดาวเคราะห์ชั้นใน และดาวเคราะห์ชั้นนอกออกจากกัน Asteroid Belt ที่ว่านี้มันเป็นชื่อที่ชัดเจนเพราะมันเป็นวงแหวน ของดาวเคราะห์น้อยและเศษซากอื่นๆ ในอวกาศที่หมุนรอบดวงอาทิตย์ ซึ่งในภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับอวกาศมักจะนำส่วนนี้มาใช้อยู่เสมอ
โดยที่ปกติแล้วในภาพยนตร์จะแสดงให้เห็นว่าแถบดาวเคราะห์น้อยที่ว่านี้จะเป็นพื้นที่ ที่เต็มไปด้วยดาวเคราะห์ที่ลอยตัวอยู่ในอวกาศอย่างหนาแน่นและกลุ่มเมฆหินที่หนาทึบ ซึ่งยานอวกาศที่หลงเข้าไปจะต้องหลบหลีกอุปสรรค เหล่านี้ให้ได้ เพื่อที่นำตัวยานข้ามอีกด้านหนึ่ง มีหลายๆ คนที่คิดว่าแถบดาวเคราะห์ที่เราเห็นในภาพยนตร์นั้นเหมือนกับความเป็นจริง แต่บอกไว้ก่อนเลยว่าคุณคิดผิด
เพราะถ้าหากให้เทียบกันดาวเคราะห์น้อย กับโลกของเราจากพื้นดินของดาวเคราะห์น้อยขึ้นไปบนท้องฟ้า ก็ไม่ได้ต่างไปจากพื้นดินกับท้องฟ้าบนโลกของเราเลย ที่เครื่องบินจะสามารถไต่เพดานบนได้สบายๆ โดยอีก ทั้งดาวเคราะห์น้อยแต่ละดวงนั้นยังอยู่ห่างใกล้กับพอสมควรและมัน ก็มีระยะห่างกันที่มากพอสำหรับยานอวกาศ ที่จะสามารถเดินทางผ่านมันได้
ซึ่งโอกาสที่จะเกิดการชนกันระหว่างดาวเคราะห์น้อย กับยานอวกาศนั้นมีน้อยมาก อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกี่ยวกับแถบดาวเคราะห์น้อยที่ว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เรา ยกขึ้นมาพูดเพียงเท่านั้น เพราะมันยังมีเรื่องที่เกี่ยวกับแถบดาวเคราะห์น้อยให้เราได้ศึกษากันอยู่อีกมากมาย
สนับสนุนเรื่องราวโดย. สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ
25
เม.ย.
2021

ดาวนับล้านที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ที่เรามักจะมองเห็นในเวลากลางคืนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่อยู่นอกโลกของเราทั้งนั้น บางคนชอบที่จะมองแสงของมันในยามราตรีที่ถึงจะไม่สว่างมากเท่ากับแสงของด้วยอาทิตย์ในเวลากลางวันแต่ก็ยังชอบ ชอบที่มันเป็นดาวที่ยังมีแสงสว่างที่ไม่ได้สว่างมาก แต่บางคนชอบที่จะตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแต่มีแสงแดดอุ่นๆ และทำให้เราได้ชดชื่น
ในโลกของเราใบนี้นั้นคุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าต้นหรือพืช ถ้าไม่มีแสงแดดจากดวงอาทิตย์พวกมันจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ไม่ แน่นอนว่าคำตอบที่ได้ก็คือ มันไม่สามารถอยู่ได้แน่นอนเพาะไม่มีแสงที่จะนำมาสังเคราะห์แสง และแน่นอนว่าถ้าไม่มีแสงจากดวงอาทิตย์จะมีแต่พืชและต้นไม่ที่จะอยู่ไม่ได้ มนุษย์อย่างเราก็ไม่สามารถที่จะอยู่ได้เช่นเดียวกัน
ถ้าหากว่าขาดแสงจากดวงอาทิตย์ไป เมื่อถึงดวงอาทิตย์แล้วอย่างที่เราทราบกันดีว่ามันก็คือดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้โลกของเรามากที่สุด สำหรับดาวฤกษ์หรือดวงที่ไม่ได้เป็นดาวฤกษ์มีอยู่อย่างมากมายในจักรวารที่กว้างแห่งนี้ ละสำหรับวันนี้ถ้าหากจะพูดเกี่ยวกับดวงอาทิตย์ก็คงจะเป็นอะไรที่ง่ายเกิดไป ดังนั้นเรามาทำความรู้จักเกี่ยวกับดาวที่มีชื่อว่าดาว EBLM J0555-57Ab ดูเหมือนว่าดาวฤกษ์ในส่วนมากจะต้องมีขนาดที่ใหญ่โต
แต่ถ้าหากว่ามันก็คงจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะดารฤกษ์บางดวงนั้นมันอาจจะมีขนาดที่เล็กกว่าที่เราคิดเอาไว้ก็ได้ และซึ่งมันอาจจะเล็กกว่าขนาดของดาวเสาร์อีก ถ้าหากนำเอาดาวเสาร์มาเทียบกับโลกแล้วนั้นโกของเราจะมีขนาดที่เล็กมาก แต่ดาวเสาร์ที่ว่าใหญ่แต่มันก็ยังเล็กกว่าดวงอาทิตย์อยู่มาก
แต่อย่างไรก็ตามนักดาราศาสตร์ได้มีการค้นพบดาวฤกษ์ที่มีขนาดเท่ากับดาวเสาร์ซึ่ง ดาวดวงนั้นก็คือ ดาว EBLM J0555-57Ab ที่เราได้กล่าวไว้เบื้องต้นนั้นอง ดาวดวงนี้ตั้งอยู่หางจากโลกของเราออกไป 600 ปีแสง ถ้าหากว่าดาวฤกษ์มีขนาดที่เล็กกว่านี้ดาวฤกษ์จะไม่มีแรงกดดันภายในเพียงพอที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียสฟิวชันได้ และแม้ว่าดาว EBLM J0555-57Ab นี้จะมีขนาดที่เล็กไป
หน่อยแต่ขนาดเท่ารี้ก็ยังคงเหมาะสมที่จะตอบสนองความต้องการของมวลขั้นต่ำที่จะเกิดปฏิกิริยานิวเคลียสฟิวชัน ซึ่งมันเป็นกระบวนการของดาวฤกษ์ ที่จะก่อให้เกิดความร้อนเละแสง อย่างไรก็ตามถ้า ดาว EBLM J0555-57Ab มีขนาดที่เล็กลงกว่านี้มันอาจที่จะต้องเปลี่ยนสถานะจากดาวฤกษ์มาเป็นดาวแคระน้ำตาลก็เป็นได้
สนับสนุนโดย คาสิโนออนไลน์ เติมเงินขั้นต่ำ 100 เดียว
19
เม.ย.
2021

อย่างที่เราทราบกันดีว่าโลกของเรานั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบสุริยะ แต่ระบบสุริยะก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ใหญ่ที่สุดเพราะสิ่งที่ใหญ่กว่าระบบสุริยะนั้นก็คือ กาแลกซี่ สำหรับกาแลกซี่ที่ระบบสุริยะและโลกของเราอาศัยอยู่นั้นมีชื่อว่ากาแลกซี่ทางช้างเผือกนั้นเอง แน่นอน ว่ากาแลกซี่ทางช้างเผือกนั้นก็ไม่ได้ใหญ่ที่สุดเพราะมันก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งในจักรวารของเราเท่านั้น และอย่างที่เรารู้กันว่าในจักรวารหรือในระบบสุริยะของเรานั้นมีดาวฤกษ์อยู่ ซึ่งแน่นอนว่าดาวฤกษ์ดวงที่ใกล้โลกของเราที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นดวงอาทิตย์แน่นอน
ดาวฤกษ์ที่เรารู้จักกันดีในระบบสุริยะนั้นก็คือดาวอาทิตย์ แต่แน่นอนดาวอาทิตย์ไม่ได้เป็นดาวฤกษ์เพียงแค่ดวงเดียวแน่ในจักรวารที่กว้างใหญ่แห่งนี้ เพราะนอกจากดาวฤกษ์ระบบสุริยะแล้วยังมีดาวฤกษ์ที่อยู่นอกระบบสุริยะอีกมากมายหลายดวงอีกด้วย สำหรับในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับดาวฤกษ์ที่มีชื่อว่า ดาวVega หรือเราจะเรียกดาวดวงนี้อีกชื่อหนึ่งว่า Alpha Lyrae(AlphaLyr)
ดาวฤกษ์ดวงนี้มันเป็นดาวฤกษ์ที่มีความสว่างที่สุดในกลุ่มดาวกลุ่มดาวพิณ และยังสว่างที่สุดเป็นอันดับห้าในกลุ่มท้องฟ้ายามราตรี และยังเป็นดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดเป็นอันดับสองในซีกฟ้าเหนือรองจากดาว Arcturus หรือดาวดวงแก้ว โดยที่ดาว Vegaจะอยู่ค้อนข้างใกล้กับโลก
ซึ่งจะมีระยะห่างจากโลก 25 ปีแสง อีกทั้งดาวVega และดาวArcturus ก็ถือว่าถือว่าเป็นกลุ่มดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดในย่านของดวงอาทิตย์เรา และสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับดาวVega นั้นก็คือรูปร่างของมัน คุณคงจะสงสัยว่ารูปร่างของมันนั้นจะมีความน่าสนใจอย่างไรเพราะมันก็จะคงเหมือนๆ กับดาวฤกษ์ดวงอื่นๆ นั้นแหละ แต่เปล่าเลยรูปร่างของมันมีความน่าสนใจก็คือ มันมีรูปร่างที่คล้ายกับไข่นั้นเอง ซึ่งดาวVega นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในดาวฤกษ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งจะดูเหมือนว่านักดาราศาสตร์จะกำลังศึกษาดาวฤกษ์ดวงนี้มากกว่าดวงอาทิตย์ของเราเสียอีก
แต่สุดท้ายนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ถึงนักดาราศาสตร์หรือไม่ว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์จะมีการศึกษา ดาวVega มากว่าที่จะศึกษาดวงอาทิตย์จริงๆ แต่อย่างไรดวงอาทิตย์นั้นก็เป็นดาวฤกษ์ที่มีความสำคัญกับโลกของเราเป็นอย่างมาก เราไม่ความที่จะปล่อยผ่านไป เพราะถ้าโลกใบนี้ของเราไม่มีดวงอาทิตย์มนุษย์และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ก็คงจะหายไปจากโลกนี้และไม่มีอะไรอยู่ได้เช่นเดียวกัน
สนับสนุนโดย. ufabet
9
เม.ย.
2021

สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยู่นอกโลก หรือเกิดขึ้นในอวกาศที่แสนจะลึกลับและซับซ้อนของเรา แม้แต่นักวิทยาศาสตร์หรือนักดาราศาสตร์ที่ว่าเก่ง แต่ดกว่าที่พวกเข้าจะสามารถค้นพบสิ่งต่างๆ ในอวกาศได้ นั้นก็ใช้เวลานานพอสมควร และเมื่อค้นพบแล้วก็ต้องหาทฤษฏีต่างๆ มากมายเพื่อที่จะมาอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาค้นพบ และเผยแพร่ออกมาให้เราได้ศึกษาในอนาคต ถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้นักดาราศาสตร์จะสามารถค้นพบ ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ ทั้งในและนอกระบบสุริยะมากมาย แต่พวกเขาก็ยังที่จะไม่หยุดที่จะค้นหาเพราะพวกเขานั้นเชื่อว่ายังมีดวงดาวอีกมากที่ยังไม่มีการถูกค้นพบ
สิ่งที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องของอวกาศ หรืออาจจะรู้แต่ก็เป็นคนส่วนน้อย และสิ่งที่ น่ากลัวที่เรากำลังจะพูดถึงในตอนนี้เลยก็คือ สิ่งที่เราเรียกว่าหลุมดำนั้นเอง หลุมดำที่ว่าเป็นสิ่งที่สามารถดูดเอากาแลกซี่หรือระบบสุริยะของเราเข้าไปทั้งหมดเลยก็ได้ และเมื่อมันดูดสิ่งอะไรเข้าไปแล้วสิ่งที่เอาไปอยู่ในหลุมดำยังไม่มีอะไรที่ได้ออกมา
นักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่าเมื่อหลุมดำดูดเอาสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปแล้วถ้าสิ่งเหล่านั้นต้องการที่จะออก มันจะต้องมีความเร็วกว่าแสง ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีอะไรที่มีความเร็วกว่าแสงเลย ในปัจจุบันนี้มีการค้นพบดาวเคราะห์ ดวงหนึ่งที่มีหลุมดำอยู่ใจกลางของมัน ดาวดวงนั้นมีชื่อว่าQuasi-starหรือจะเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า หลุมดำดาวฤกษ์ มันคือสมมุติฐานของการมีอยู่ของดวงฤกษ์มวลยิ่งยวด ที่คาดว่ามันน่าจะมีตัวตนอยู่ในช่วงยุคเริ่มต้นของจักรวาล โดยที่องค์ประกอบภายในของQuasi-star นี้จะมีองค์ประกอบที่แตกต่างไปจากองค์ประกอบของดาวฤกษ์ที่ในสมัยใหม่ที่เรารู้จัก
เพราะดาวฤกษ์ในปัจจุบันนั้นจะมีการขับเคลื่อนโดยการหลอมนิวเคลียส ณ ใจกลางดวงดาว ในขณะที่ Quasi-star นั้นจะมีพลังงานมาจากการรวงล่นของมวลสารที่อยู่ภายในใจกลางดาวซึ่งเป็นที่อยู่ของหลุมดำนั้นเอง และยังมีการคาดการกันว่าหลุมดำดาวฤกษ์ที่ว่านี้น่าจะมาการก่อตัว มาจากการยุบตัวของแกนดาวฤกษ์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่า ดาวฤกษ์ก่อเกิด หลังจากที่ใจกลางของดาวได้ยุบตัวลงมา กลายเป็นหลุมดำแล้วมวลสารชั้นนอกของดาวในขณะนั้นยัง
มีปริมาณที่มหาศาลหลงเหลืออยู่ และเพียงพอต่อการซึมซับเข้าสู่หลุมดำ ที่กลางดาวและเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ที่เราเรียกกันว่าซูเปอร์โนวานั้น นอกจากนี้ดาว Quasi-star ที่ว่านี้ยังมีอะไรที่น่าสนใจและให้เราได้ลองไปศึกษาอีกมา
สนับสนุนโดย. คาสิโนออนไลน์888